ระดับน้ำตาล แค่ไหน เป็นโรคเบาหวาน?การวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ ต้องอาศัยการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด โดยแพทย์จะพิจารณาจากเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อต่อไปนี้ ตามแนวทางเวชปฏิบัติสากล (ใช้หน่วยเป็น มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือ mg/dL และค่าเปอร์เซ็นต์สำหรับ HbA1c)
การวินิจฉัยโรคเบาหวานจะใช้เกณฑ์เพียง ข้อใดข้อหนึ่ง และมักต้องมีการตรวจยืนยันซ้ำในวันถัดไป (ยกเว้นข้อ 4 ที่วินิจฉัยได้ทันที)
วิธีการตรวจ เกณฑ์ปกติ (Normal) เกณฑ์เสี่ยง (Prediabetes) เกณฑ์วินิจฉัยโรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus)
1. น้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร (FPG) (อดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง) <100 mg/dL 100−125 mg/dL ≥126 mg/dL
2. น้ำตาลสะสม (HbA1c) (วัดค่าเฉลี่ยน้ำตาล 2-3 เดือน) <5.7% 5.7%−6.4% ≥ 6.5%
3. น้ำตาลในเลือดหลังดื่มน้ำตาล (OGTT) (ตรวจ 2 ชั่วโมงหลังดื่มกลูโคส 75 กรัม) <140 mg/dL 140−199 mg/dL ≥200 mg/dL
4. น้ำตาลในเลือด ณ เวลาใดก็ได้ (Random Plasma Glucose) N/A N/A ≥200 mg/dL ร่วมกับมีอาการของเบาหวานชัดเจน (เช่น ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำมาก น้ำหนักลด)
ข้อควรทราบเพิ่มเติม
ภาวะก่อนเบาหวาน (Prediabetes): หากผลตรวจอยู่ในช่วง 100−125 mg/dL (FPG) หรือ 5.7%−6.4% (HbA1c) หมายถึงคุณอยู่ใน กลุ่มเสี่ยงสูง ที่จะกลายเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต แต่ยังสามารถป้องกันหรือชะลอการเป็นโรคได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การยืนยันผล: หากผลตรวจข้อ 1, 2, หรือ 3 เข้าเกณฑ์เบาหวาน แพทย์มักจะแนะนำให้ตรวจซ้ำอีกครั้งในวันหลัง หรือตรวจด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เพื่อยืนยันการวินิจฉัย (ยกเว้นข้อ 4 ที่วินิจฉัยได้เลยหากมีอาการชัดเจน)
การตรวจด้วยตนเอง: การตรวจน้ำตาลที่ปลายนิ้วด้วยเครื่องมือวัดน้ำตาล (Glucose Meter) เป็นการคัดกรองเบื้องต้นเพื่อติดตามอาการและปรับยา แต่ ไม่ใช้ เป็นเกณฑ์หลักในการวินิจฉัยโรคเบาหวานอย่างเป็นทางการ ซึ่งต้องใช้การตรวจเลือดจากหลอดเลือดดำในห้องปฏิบัติการเท่านั้น