โรคปอดอักเสบ อันตรายที่ไม่ควรมองข้ามโรคปอดอักเสบ (Pneumonitis) หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ ปอดบวม (Pneumonia) เป็นการอักเสบของเนื้อเยื่อปอดและถุงลมปอด ซึ่งเป็นภาวะที่ อันตรายอย่างยิ่ง และ ไม่ควรมองข้าม เด็ดขาดครับ หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ทำไมโรคปอดอักเสบจึงอันตรายและไม่ควรมองข้าม?
อาการเริ่มต้นคล้ายไข้หวัด: ในระยะแรก อาการปอดอักเสบอาจคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป เช่น มีไข้ ไอ ปวดเมื่อย ทำให้ผู้ป่วยประมาทและคิดว่าเป็นเพียงอาการป่วยเล็กน้อย จึงไม่ได้ไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ
ลุกลามรวดเร็ว: โดยเฉพาะปอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสบางชนิด สามารถลุกลามและทำให้ปอดเสียหายได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วัน ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของปอดลดลงอย่างมาก
แลกเปลี่ยนออกซิเจนไม่ได้: เมื่อปอดอักเสบ ถุงลมปอดจะเต็มไปด้วยหนอง สารน้ำ หรือเซลล์อักเสบ ทำให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนเข้าสู่เลือดทำได้ไม่ดี ร่างกายจึงขาดออกซิเจน ซึ่งส่งผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญอื่นๆ ทั่วร่างกาย
ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง:
ภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน: ปอดไม่สามารถทำงานได้เพียงพอ ผู้ป่วยจะหายใจหอบรุนแรง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
ภาวะเลือดเป็นพิษ (Sepsis): เชื้อโรคจากปอดเข้าสู่กระแสเลือด แพร่กระจายทั่วร่างกาย ทำให้เกิดการอักเสบและอวัยวะต่างๆ ล้มเหลว เช่น ไตวาย ความดันโลหิตตก เป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิต
น้ำในเยื่อหุ้มปอด: มีการสะสมของสารน้ำหรือหนองในช่องเยื่อหุ้มปอด ทำให้ปอดยุบตัว และหายใจลำบาก
ฝีในปอด: เกิดหนองสะสมเป็นก้อนในเนื้อปอด
อัตราการเสียชีวิตสูงในกลุ่มเสี่ยง: โรคปอดอักเสบเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของโรคติดเชื้อในประเทศไทย โดยเฉพาะใน:
เด็กเล็กและทารก: ที่มีระบบภูมิคุ้มกันยังไม่สมบูรณ์
ผู้สูงอายุ: ที่มีภูมิคุ้มกันลดลง และมักมีโรคประจำตัว
ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง: เช่น เบาหวาน, โรคหัวใจ, โรคปอดเรื้อรัง (ถุงลมโป่งพอง, หอบหืด), โรคไตวายเรื้อรัง
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง: เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV, ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน, ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด
ผู้ที่สูบบุหรี่จัด: ปอดจะถูกทำลายและติดเชื้อง่ายขึ้น
สัญญาณเตือนของโรคปอดอักเสบที่ควรรีบพบแพทย์
หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการเหล่านี้ โดยเฉพาะเมื่อมีปัจจัยเสี่ยง ควรไปพบแพทย์ทันที:
มีไข้สูง หนาวสั่น
ไอมีเสมหะ (อาจมีสีเหลือง เขียว หรือมีเลือดปน) หรือไอแห้งๆ แต่รุนแรงและไม่ลดลง
หายใจหอบเหนื่อย หายใจลำบาก หรือหายใจถี่กว่าปกติ
เจ็บหน้าอก โดยเฉพาะเวลาไอหรือหายใจเข้าลึกๆ
อ่อนเพลียมาก ไม่มีแรง
ในผู้สูงอายุหรือเด็กเล็ก อาจมีอาการซึมลง สับสน เบื่ออาหาร หรือปฏิกิริยาตอบสนองช้าลงอย่างผิดปกติ โดยอาจไม่มีไข้หรือไอที่ชัดเจน
การป้องกันภัยร้ายปอดอักเสบ
แม้โรคปอดอักเสบจะอันตราย แต่เราสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงได้ด้วยวิธีดังนี้:
ฉีดวัคซีน:
วัคซีนไข้หวัดใหญ่: ฉีดทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมักเป็นสาเหตุที่นำไปสู่ปอดอักเสบจากแบคทีเรียแทรกซ้อนได้
วัคซีนป้องกันปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมค็อกคัส (Pneumococcal Vaccine): แนะนำสำหรับเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด
รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล:
ล้างมือบ่อยๆ: ด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะหลังไอ จาม ก่อนรับประทานอาหาร
ไม่เอามือสัมผัสใบหน้า: โดยเฉพาะ ตา จมูก ปาก
ไอหรือจามอย่างถูกวิธี: ใช้กระดาษทิชชูปิดปากและจมูก หรือไอจามใส่ข้อศอกด้านใน แล้วทิ้งกระดาษทิชชูทันที
หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง:
งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสอง: การสูบบุหรี่ทำลายระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรง
หลีกเลี่ยงมลภาวะทางอากาศ: เช่น ฝุ่น PM2.5 ควันพิษ ควันจากการเผาไหม้ หากจำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีมลภาวะสูง ควรใส่หน้ากาก N95
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย: โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ
รักษาสุขภาพให้แข็งแรง:
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นผัก ผลไม้ และโปรตีน เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตและระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี
พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับที่เพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ควบคุมโรคประจำตัว: หากมีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หอบหืด ควรควบคุมอาการของโรคให้ดีตามคำแนะนำของแพทย์
การตระหนักถึงความอันตรายของโรคปอดอักเสบ การสังเกตอาการผิดปกติ และการปฏิบัติตามแนวทางการป้องกัน จะช่วยให้คุณและคนที่คุณรักปลอดภัยจากโรคนี้ได้มากครับ อย่ามองข้ามสัญญาณเล็กน้อยของร่างกาย และรีบไปพบแพทย์หากมีข้อสงสัย.