วิธีการตรวจสอบประสิทธิภาพของฟอยล์กันความร้อน ฉนวนกันความร้อน หรือแผ่นสะท้อนความร้อน เช็คให้ชัวร์ ดูยังไงว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนฟอยล์กันความร้อน พร้อมแนะนำแผ่นสะท้อนความร้อนที่ได้มาตรฐาน
หากพูดถึงการป้องกันความร้อนภายในบ้าน หลายคนคงนึกถึงการติดตั้งฉนวนกันความร้อนขึ้นมาเป็นอย่างแรก แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากการติดตั้งฉนวนกันความร้อน การติดตั้ง “แผ่นสะท้อนความร้อน” หรือ “ฟอยล์กันความร้อน” เอาไว้อีกชั้น ก็จะช่วยเสริมให้ประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนดียิ่งขึ้น
สำหรับคนที่มีฟอยล์กันความร้อนที่บ้านอยู่แล้ว เมื่อใช้งานไปสักระยะอาจเริ่มสงสัยว่าฟอยล์กันความร้อนที่ติดตั้งอยู่ยังมีประสิทธิภาพดีเหมือนตอนแรก ๆ หรือเปล่า เพราะบางทีก็รู้สึกถึงความร้อนสะสมที่เพิ่มขึ้น ถ้าแบบนั้นก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะบทความนี้ยูเนี่ยน คอนแมท จะมาบอกวิธีการตรวจสอบประสิทธิภาพของฟอยล์กันความร้อนเบื้องต้น พร้อมแนะนำฟอยล์กันความร้อนคุณภาพที่รับรองว่าบอกลาปัญหาบ้านร้อนได้แน่นอน
สะท้อนความร้อนให้ไกลด้วยฟอยล์กันความร้อน
ก่อนอื่นเรามารู้จักฟอยล์กันความร้อนกันก่อน ฟอยล์กันความร้อน (Aluminum Foil) เป็นแผ่นสะท้อนความร้อนไม่ให้เข้ามาสู่ตัวบ้าน รูปร่างภายนอกมีลักษณะที่คุ้นตาใครหลายคน เพราะเมื่อมองเผิน ๆ แล้วดูคล้ายกับแผ่นฟอยล์ที่ใช้สำหรับห่ออาหาร แต่ฟอยล์กันความร้อนนี้มีความหนา และเหนียวมากกว่า ทนทานไม่ฉีกขาดง่าย สามารถสะท้อนความร้อนได้สูงถึง 95 เลยทีเดียว และยังมีคุณสมบัติในการกระจายความร้อน 5% ดังนั้นไม่ว่าจะติดตั้งฟอยล์กันความร้อนไปด้านบนหรือด้านล่างหลังคา ก็มีประสิทธิภาพเท่ากัน (สำหรับอลูมิเนียมฟอยล์รุ่น 2 ด้าน)
ทั่วไปแล้วเรามักติดตั้งฟอยล์กันความร้อนไปพร้อมกับการสร้างหลังคา ร่วมกับการติดตั้งฉนวนกันความร้อนหลังคาชนิดอื่น ๆ เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการกันความร้อน และการป้องกันรังสียูวี โดยจะนำมาใช้ปูบริเวณโครงหลังคา ใต้หลังคาร้อน หรือใต้แปก็ได้ ฟอยล์กันความร้อนสามารถประยุกต์ใช้ได้กับหลากหลายสถานที่ ไม่ว่าจะเป็น โรงงานอุตสาหกรรม อาคาร สำนักงาน บ้านที่พักอาศัย จุดเด่นคือมีราคาที่ย่อมเยา ติดตั้งง่าย ไม่ติดไฟ และไม่เกิดเชื้อราเมื่อโดนความชื้น และ”ไม่สะสมความร้อน” ต่างจากฉนวนกันความร้อนประเภทอื่นๆที่มีคุณสมบัติสะสมความร้อนเป็นพื้นฐาน
เราจะตรวจสอบประสิทธิภาพของฟอยล์กันความร้อนได้อย่างไร?
มาดูกันดีกว่าว่าเราจะตรวจสอบประสิทธิภาพของฟอยล์กันความร้อนอย่างไร มีวิธีสังเกตอย่างไรว่าฟอยล์กันความร้อนของเริ่มเสื่อมสภาพ หรือควรเปลี่ยนได้แล้ว เพื่อที่จะได้หาทางแก้ไขให้บ้านกลับมาเย็นสบายน่าอยู่เหมือนเดิม
ฟอยล์กันความร้อนเริ่มกันความร้อนได้น้อยลง
วิธีแรกง่าย ๆ เลยคือใช้ความรู้สึกของเราเวลาอาศัยอยู่ภายในบ้าน แน่นอนว่าการติดตั้งฟอยล์กันความร้อนมีจุดประสงค์หลักคือเพื่อลดอุณหภูมิภายในบ้าน หากเราติดตั้งฟอยล์กันความร้อนที่มีคุณภาพ เมื่ออาศัยอยู่ในบ้านก็จะรู้สึกเย็นสบายและผ่อนคลายอย่างชัดเจน แต่ถ้าหากระยะเวลาผ่านไปแล้วรู้สึกได้ว่าบริเวณที่เคยติดตั้งฟอยล์กันความร้อนมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นกว่าปกติ รู้สึกร้อนอึดอัด ไปจนถึงค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเพราะต้องสิ้นเปลืองพลังงานเพื่อช่วยทำความเย็น นั่นก็เป็นสัญญาณว่าแผ่นสะท้อนความร้อนของคุณอาจเสื่อมสภาพเป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากความสามารถในการป้องกันความร้อนลดลง จึงไม่สามารถป้องกันความร้อนให้มีประสิทธิภาพดังเดิมนั่นเอง
ฟอยล์กันความร้อนเริ่มชำรุด
เมื่อรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิภายในบ้านร้อนขึ้น ขั้นตอนต่อไปที่ต้องทำคือสังเกตดูว่าแผ่นสะท้อนความร้อนของเรามีร่องรอยชำรุดใด ๆ หรือไม่ ฟอยล์กันความร้อนที่สามารถทำงานได้ดีจะต้องไม่มีร่องรอยฉีกขาด บริเวณรอยต่อของแผ่นสะท้อนความร้อนจะต้องเต็มผืนจนไม่เห็นแผ่นหลังคา เพราะนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ความร้อนรั่วไหลลงมา นอกจากนี้จะต้องผ่านขั้นตอนการติดตั้งอย่างดี ฟอยล์กันความร้อนไม่หย่อนตกท้องช้างลงมาจนสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งถ้าหากพบว่าหลังจากผ่านการใช้งานมาสักระยะแล้วแผ่นฟอยล์กันความร้อนเริ่มมีปัญหาชำรุดอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ก็สันนิษฐานได้เลยว่าแผ่นฟอยล์กันความร้อนเสื่อมสภาพ และต้องได้รับการแก้ไขทันที
ทำไมฟอยล์กันความร้อนประสิทธิภาพลดลง?
ความจริงแล้วฟอยล์กันความร้อนมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยสามารถใช้งานได้ตลอดอายุการใช้งานของหลังคา หรือผนังเลยทีเดียว สาเหตุสำคัญที่ทำให้ฟอยล์กันความร้อนเสื่อมสภาพได้ง่ายมาจากการใช้วัสดุที่ไม่มีคุณภาพมากพอ เมื่อถูกนำมาใช้งาน และต้องเจอกับสภาพแวดล้อมโดยรอบไม่ว่าจะเป็นฝุ่น คราบสกปรก หรือปัจจัยอื่น ๆ ก็อาจทำให้มีอายุการใช้งานที่สั้นลงได้นั่นเอง ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาฟอยล์กันความร้อนเสื่อมสภาพจนทำให้ประสิทธิภาพการสะท้อนความร้อนลดลง จึงควรเลือกซื้อฟอยล์กันความร้อนที่ได้มาตรฐาน อย่าง ฟอยล์กันความร้อน VENPAC 435 , VENPAC 730 และ VENPAC 770จาก ยูเนี่ยน คอนแมท ที่ผลิตด้วยวัสดุอลูมิเนียมฟอยล์แท้ 100% คุณภาพสูง แข็งแรง ทนทาน ไม่ใช่อลูมิเนียมฟิล์ม
ฟอยล์กันความร้อนแท้ VENPAC 435
ฟอยล์กันความร้อนอลูมิเนียมฟอยล์แท้ 1 ด้าน (Single Sided) เพิ่มความแข็งแรงด้วยการประกบติดกับกระดาษ Karft และเสริมแรงด้วยเส้นใยแก้ว 3 ทาง มีน้ำหนักต่อตารางเมตรคือ 85 gsm. คงทนต่อความร้อนเป็นพิเศษ ผ่านการออกแบบทางวิศวกรรมให้ช่วยป้องกันความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ ระบายความร้อนให้เหลือน้อยที่สุดก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน เหมาะกับการใช้ประกบคู่ฉนวนใยแก้ว ฉนวนใยหิน เพื่อปูเป็นฉนวนกันความร้อนหลังคาไปจนถึงใช้กับงานท่อดักท์ และท่อประปา
ฟอยล์กันความร้อนแท้ VENPAC 730
แผ่นสะท้อนความร้อนอลูมิเนียมฟอยล์แท้ 2 ด้าน (Double Sided) เสริมแรงด้วยเส้นใยแก้ว 3 ทาง ทนทานต่อความร้อน และความชื้น ไม่ฉีกขาดง่ายตลอดอายุการใช้งาน มีน้ำหนักต่อตารางเมตรคือ 125 gsm. เคลือบด้วยสารสะท้อนความร้อน (Reflective Coating) ช่วยดูดซับ และป้องกันความร้อนจากบริเวณใต้หลังคาอย่างทรงประสิทธิภาพ สามารถใช้ติดตั้งร่วมกับฉนวนกันความร้อนหลังคาทั้งสิ่งปลูกสร้างใหม่ และสิ่งปลูกสร้างเก่าที่ต้องการปรับปรุง
ฟอยล์กันความร้อนแท้ VENPAC 770
แผ่นสะท้อนความร้อนอลูมิเนียมฟอยล์แท้ 2 ด้าน (Double Sided) รุ่นหนาพิเศษ เสริมแรงด้วยเส้นใยแก้ว 3 ทาง ทนทานต่อความร้อน และความชื้น ไม่ฉีกขาดง่ายตลอดอายุการใช้งาน มีน้ำหนักต่อตารางเมตรคือ 170 gsm. เหมาะกับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง ไม่ฉีดขาดง่าย เคลือบด้วยสารสะท้อนความร้อน (Reflective Coating) ช่วยดูดซับ และป้องกันความร้อนจากบริเวณใต้หลังคาอย่างทรงประสิทธิภาพ สามารถใช้ติดตั้งร่วมกับฉนวนกันความร้อนหลังคาทั้งสิ่งปลูกสร้างใหม่ และสิ่งปลูกสร้างเก่าที่ต้องการปรับปรุง
ทั้งหมดนี้คือวิธีการตรวจสอบประสิทธิภาพของฟอยล์กันความร้อนเบื้องต้นที่เรานำมาฝากที่ ถ้าหากคุณเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นเมื่ออาศัยอยู่ในบ้านก็ลองสังเกตได้เลยว่าฟอยล์กันความร้อนที่ติดตั้งอยู่กำลังเสื่อมสภาพหรือไม่ เพื่อที่จะได้หาวิธีการแก้ไขต่อไป