แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 16
1
การสร้างอาชีพและการหารายได้ ผ่านช่องทางอนนไลน์ ให้มั่นคง

การสร้างอาชีพและหารายได้ผ่านช่องทางออนไลน์ให้มั่นคงนั้น จำเป็นต้องมีการวางแผนและการจัดการอย่างรอบคอบ เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับและแนวทางที่จะช่วยให้คุณสร้างอาชีพออนไลน์ได้อย่างมั่นคง:

1. เลือกช่องทางและประเภทธุรกิจที่เหมาะสม:

สำรวจความถนัดและความสนใจ:
เลือกทำในสิ่งที่คุณถนัดและมีความเชี่ยวชาญ จะช่วยให้คุณมีความสุขและมีแรงจูงใจในการทำงาน
มองหาโอกาสในการสร้างธุรกิจจากงานอดิเรกของคุณ

ศึกษาตลาดและความต้องการ:
สำรวจความต้องการของตลาดออนไลน์ เพื่อหาช่องว่างและโอกาสในการสร้างธุรกิจ
วิเคราะห์คู่แข่งและหาจุดแข็งของธุรกิจของคุณ

เลือกช่องทางออนไลน์ที่เหมาะสม:
พิจารณาแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เหมาะสมกับประเภทธุรกิจของคุณ เช่น เว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย, หรือตลาดออนไลน์
เลือกแพลตฟอร์มที่มีกลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่

2. สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง:

สร้างชื่อ โลโก้ และเอกลักษณ์ของแบรนด์:
สร้างแบรนด์ที่น่าจดจำและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า

สร้างเรื่องราวของแบรนด์:
สร้างเรื่องราวที่น่าสนใจและเชื่อมโยงกับลูกค้า

สร้างความน่าเชื่อถือ:
ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและโปร่งใส
สร้างรีวิวและคะแนนที่ดีจากลูกค้า

3. สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ:

สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและมีประโยชน์:
สร้างเนื้อหาที่ดึงดูดและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายของคุณ

ใช้สื่อที่หลากหลาย:
ใช้รูปภาพ วิดีโอ และข้อความ เพื่อสร้างความน่าสนใจ

สร้างความสม่ำเสมอ:
โพสต์เนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างการรับรู้และรักษาฐานลูกค้า

4. สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า:

บริการลูกค้าที่ดี:
ตอบคำถามและข้อสงสัยของลูกค้าอย่างรวดเร็วและเป็นประโยชน์
สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าด้วยการบริการที่เป็นกันเอง

รับฟังความคิดเห็น:
รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากลูกค้า เพื่อปรับปรุงสินค้าหรือบริการของคุณ
แก้ไขปัญหาของลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

สร้างชุมชน:
สร้างกลุ่มหรือชุมชนออนไลน์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า

5. พัฒนาและเรียนรู้:

ติดตามเทรนด์:
ติดตามเทรนด์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ในตลาดออนไลน์
ปรับปรุงธุรกิจของคุณให้ทันสมัยอยู่เสมอ

พัฒนาทักษะ:
พัฒนาทักษะและความรู้ของคุณอย่างต่อเนื่อง
เข้าร่วมอบรมหรือสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ

เรียนรู้จากผู้อื่น:
เรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์
สร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการคนอื่นๆ

6. วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ:

จัดการรายรับรายจ่ายอย่างเป็นระบบ:
ทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างละเอียด
วางแผนการใช้จ่ายให้เหมาะสม

ลงทุนอย่างชาญฉลาด:
ลงทุนในธุรกิจของคุณอย่างต่อเนื่อง
มองหาโอกาสในการขยายธุรกิจ

7. สร้างความยั่งยืน:

สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์:
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์ เพื่อให้ได้รับวัตถุดิบที่มีคุณภาพและราคาที่เหมาะสม

ใส่ใจสิ่งแวดล้อม:
เลือกใช้วัสดุและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ลดการใช้พลังงานและทรัพยากร

สร้างผลตอบแทนให้กับสังคม:
ทำกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์

ตัวอย่างอาชีพออนไลน์ที่มั่นคง:

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ:
ขายสินค้าที่มีความต้องการสูงและมีคู่แข่งน้อย
สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและมีฐานลูกค้าประจำ

ธุรกิจบริการออนไลน์:
ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญและมีคุณภาพสูง
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและได้รับรีวิวที่ดี

ธุรกิจสร้างเนื้อหาออนไลน์:
สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและมีผู้ติดตามจำนวนมาก
สร้างรายได้จากโฆษณา การสปอนเซอร์ และการขายสินค้าหรือบริการของตัวเอง

การสร้างอาชีพออนไลน์ให้มั่นคงต้องอาศัยความอดทน ความพยายาม และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ขอให้คุณประสบความสำเร็จในการสร้างอาชีพออนไลน์ของคุณ


2
โปรโมทสินค้าฟรี / Doctor At Home: โบทูลิซึม (Botulism)
« เมื่อ: วันที่ 6 กรกฎาคม 2025, 14:12:09 น. »
Doctor At Home: โบทูลิซึม (Botulism)

โบทูลิซึม เป็นโรคที่เกิดจากพิษของแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ทำลายระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเป็นอัมพาต จัดว่าเป็นโรคที่มีอันตรายร้ายแรง พบได้ในคนทุกวัย บางครั้งพบการเจ็บป่วยพร้อมกันหลายคนจากการบริโภคอาหารที่ปนเปื้อนพิษ (อาหารเป็นพิษ)

ในบ้านเราเคยมีรายงานผู้ป่วยโรคนี้จากการกินหน่อไม้ปี๊บที่เป็นพิษเป็นครั้งคราว เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2549 มีรายงานการป่วยเป็นโรคนี้พร้อมกันกลุ่มใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ของโลกจำนวน 209 ราย จากการกินหน่อไม้ปี๊บ ในงานฉลองพระธาตุเมล็ดข้าว ที่อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน ในจำนวนนี้มีประมาณ 40 รายที่มีอาการหนักจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

สาเหตุ

เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย ที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับเชื้อบาดทะยัก เชื้อโรคมีลักษณะเป็นสปอร์ (spore) พบอยู่ตามดินทราย ตะกอนในน้ำ ฝุ่นละออง สามารถปลิวกระจายไปตามอากาศ มีความทนทานอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายปี สปอร์เมื่อตกอยู่ในที่ที่มีความชื้นมีสารอาหารและขาดออกซิเจน เช่น ในลำไส้ บาดแผลลึกและแคบ อาหารที่บรรจุในภาชนะที่ปิดมิดชิด (เช่น กระป๋อง ปี๊บ ขวดนม ถุงพลาสติกสุญญากาศ) ก็จะเกิดการงอกเจริญเติบโต และปล่อยสารพิษที่มีชื่อว่า โบทูลิน (botulin) ออกมา

โบทูลิน* เป็นพิษต่อประสาท (neurotoxin) ออกฤทธิ์โดยไปจับกับปลายประสาท (presynaptic nerve terminal) ตรงบริเวณรอยเชื่อมต่อกับเส้นใยกล้ามเนื้อ (postsynaptic muscle membrane) เกิดผลในการยับยั้งไม่ให้ปลายประสาทหลั่งอะเซทิลโคลีน (acetylcholine) ซึ่งเป็นตัวนำสัญญาณประสาทไปสั่งให้กล้ามเนื้อทำงาน (หดตัว) พิษโบทูลินัมจึงทำให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายไม่หดตัว เกิดอาการอ่อนแรงเป็นอัมพาต นอกจากนี้ยังไปยับยั้งการส่งทอดสัญญาณประสาทของระบบประสาทอัตโนมัติพาราซิมพาเทติกที่อาศัยอะเซทิลโคลีนเป็นตัวนำสัญญาณประสาท ทำให้อวัยวะภายในทำงานผิดปกติ (เช่น รูม่านตาขยาย น้ำลายออกน้อย ท้องผูก ถ่ายปัสสาวะไม่ออก เป็นต้น) ปลายประสาทจะถูกพิษทำลายอย่างถาวร ต้องรอให้ปลายประสาทงอกขึ้นมาใหม่ ระบบประสาทและกล้ามเนื้อจึงจะฟื้นคืนหน้าที่ได้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลานาน 2-4 เดือน

โดยทั่วไป ผู้ป่วยอาจรับพิษของเชื้อชนิดนี้ได้ 3 ลักษณะ คือ

1. โบทูลิซึมจากอาหารเป็นพิษ (food-borne botulism) มักเกิดจากการกินพืชผักหรือเนื้อสัตว์ที่บรรจุอยู่ในภาชนะมิดชิดและมีความเป็นกรดไม่มาก เช่น หน่อไม้ เห็ด ถั่ว ข้าวโพด แตง ปลา อาหารทะเล สัตว์ป่า (เช่น เนื้อเก้ง) เป็ด ไก่ นม ที่บรรจุกระป๋อง ปี๊บ หรือขวดแก้ว ที่ผลิตแบบอุตสาหกรรมในครัวเรือนซึ่งขาดกรรมวิธีที่ถูกต้อง หรือในถุงพลาสติกที่ปิดมิดชิด ทำให้สปอร์ของเชื้อชนิดนี้ปนเปื้อนในอาหาร สามารถงอกเจริญเติบโตและปล่อยพิษเจือปนอยู่ในอาหาร เช่น หน่อไม้ปี๊บที่นิยมบริโภคในบ้านเรานั้น จะทำการต้มหน่อไม้นานเพียง 1 ชั่วโมง ซึ่งไม่สามารถฆ่าสปอร์ที่ปนเปื้อนได้ แล้วอัดใส่ปี๊บ ตั้งไว้ในอุณหภูมิห้อง รอจำหน่ายหมดภายใน 3-6 เดือน สปอร์ก็สามารถงอกเจริญเติบโตและปล่อยพิษออกมา (ส่วนหน่อไม้ดองที่มีรสเปรี้ยว มีการใส่น้ำมะนาวหรือน้ำส้มในการดอง ทำให้มีความเป็นกรดหรือ pH ต่ำกว่า 4.6 สปอร์ไม่สามารถเจริญเติบโต)

2. โบทูลิซึมจากการติดเชื้อทางบาดแผล (wound botulism) มักจะเป็นแผลลึกและแคบที่ขาดออกซิเจน รวมทั้งการฉีดยาเสพติดด้วยเข็มที่ไม่สะอาด สปอร์ในดินทรายที่ปนเปื้อนบาดแผลจะเข้าไปแบ่งตัวในบาดแผลแล้วปล่อยพิษเข้าสู่กระแสเลือด ไปทำลายระบบประสาททั่วร่างกาย การติดเชื้อลักษณะนี้พบได้น้อย

3. โบทูลิซึมในทารก (infant botulism) เกิดจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนสปอร์ ซึ่งจะพบในทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี เนื่องจากในลำไส้ของทารกยังไม่มีจุลินทรีย์ที่สามารถป้องกันการแบ่งตัวของสปอร์เช่นเด็กโตและผู้ใหญ่ สปอร์จึงเกิดการแบ่งตัวอยู่ในลำไส้ แล้วปล่อยพิษเข้ากระแสเลือดไปทั่วร่างกาย ในสหรัฐอเมริกาจะพบภาวะนี้ในทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน มักเกิดจากการกินน้ำผึ้งที่มีสปอร์ปนเปื้อน บางครั้งอาจไม่ทราบสาเหตุชัดเจน สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนสปอร์ที่ปลิวมากับฝุ่นละออง

กลไกการออกฤทธิ์ของพิษโบทูลิซึม

* โบทูลินจัดว่าเป็นพิษร้ายแรงที่สุดในบรรดาพิษที่เกิดจากแบคทีเรีย จึงมีการนำมาผลิตเป็นอาวุธชีวภาพ
ปัจจุบัน มีการนำโบทูลินไปทำให้เจือจาง ผลิตเป็นยา (เช่น ยาที่มีชื่อว่า Botox) รักษาโรคต่าง ๆ เช่น ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก (hemifacial spasm) ตากระพริบค้าง (blepharospasm) หนังตาบนถูกดึงรั้ง (eyelid retraction) ภาวะตาแห้ง ตาเข ไมเกรน อาการแขนขาเกร็ง กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวกว่าปกติหรือน้อยกว่าปกติ ต่อมลูกหมากโต อาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง เสริมสวย (แก้รอยย่นบนใบหน้า) เป็นต้น

อาการ

โบทูลิซึมจากอาหารเป็นพิษ มักจะมีอาการเกิดขึ้นหลังกินอาหาร 8-36 ชั่วโมง (แต่อาจพบเร็วสุด 4 ชั่วโมง และนานสุด 14 วัน) หากรับปริมาณพิษเข้าไปมาก อาการก็จะเกิดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอาการเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงหลังกินอาหาร อาการมักจะรุนแรง มักเป็นพร้อมกันหลายคน

แรกเริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง บางรายอาจมีอาการท้องเดินร่วมด้วย หลังจากนั้นจะมีอาการอิดโรย อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ มึนงง กระหายน้ำ ปากแห้ง คอแห้ง เจ็บคอ น้ำลายเหนียว หนังตาตก (ลืมตาไม่ขึ้น) ทั้ง 2 ข้าง ตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน กลืนลำบาก พูดอ้อแอ้หรือเสียงค่อยมาก ท้องผูก ปัสสาวะไม่ออก

ในรายที่เป็นรุนแรง จะมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อทั่วร่างกายตามมา โดยเริ่มจากบริเวณลำตัวกระจายไปสู่แขนขา กล่าวคือ จะมีอาการอัมพาตของกล้ามเนื้อหน้าอก กะบังลม และหน้าท้อง ทำให้หายใจลำบาก ก่อนที่จะมีอาการอัมพาตของแขนขาทั้ง 2 ข้าง หากไม่ได้รับการรักษามักเสียชีวิตภายใน 3-7 วัน

ส่วนโบทูลิซึมจากการติดเชื้อทางบาดแผล มักมีอาการหลังมีบาดแผลประมาณ 4-14 วัน (เฉลี่ย 10 วัน) ผู้ป่วยจะมีประวัติฉีดยาเสพติด หรือมีบาดแผลตามผิวหนัง แล้วมีอาการแบบเดียวกับโบทูลิซึมจากอาหารเป็นพิษดังกล่าวข้างต้น ยกเว้นไม่มีอาการทางระบบทางเดินอาหาร (คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน)

สำหรับโบทูลิซึมในทารก มักจะมีอาการหลังกินอาหารที่มีสปอร์ประมาณ 3-30 วัน อาการแรกเริ่มที่พบก็คือ อาการท้องผูก ต่อมาจะมีอาการง่วงซึม เฉยเมย ไม่ดูดนม ไม่กินอาหาร หนังตาตก กลืนลำบาก ร้องไม่มีเสียง คอพับคออ่อน เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก หายใจลำบาก


ภาวะแทรกซ้อน

ที่ร้ายแรง คือ ภาวะการหายใจล้มเหลว ซึ่งเป็นสาเหตุของการตายของผู้ป่วย

อาจมีโรคปอดอักเสบ (ปอดบวม) แทรกซ้อน เนื่องจากการสำลัก

บางรายอาจมีอาการอ่อนเพลีย อิดโรย ปากแห้ง ตาแห้ง เหนื่อยง่ายเวลาออกแรง นานเป็นแรมปี


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

มักตรวจพบอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ เช่น หนังตาตก พูดอ้อแอ้หรือเสียงค่อยมาก กลืนลำบาก หายใจลำบาก แขนขาเป็นอัมพาต (ในทารกจะพบอาการคอพับคออ่อน เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก หายใจลำบาก)

ทั้งทารกและผู้ใหญ่ จะพบรูม่านตาขยาย และไม่มีปฏิกิริยาต่อแสง รีเฟล็กซ์ของข้อลดลงหรือไม่มี

ผู้ป่วยจะรู้สึกตัวดี และไม่มีอาการชาของแขนขา (เนื่องเพราะพิษโบทูลินไม่มีผลต่อสมองและประสาทรับความรู้สึก)

ผู้ป่วยมักไม่มีไข้ (ยกเว้นในรายที่มีการติดเชื้อแทรกซ้อนในช่วงหลัง)

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เจาะหลังเพื่อตรวจน้ำไขสันหลัง ตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (EMG) ตรวจพิษโบทูลินในเลือดหรืออุจจาระ ตรวจเพาะเชื้อจากอุจจาระหรือเศษอาหารในกระเพาะอาหาร รวมทั้งการนำอาหารที่สงสัยว่าเป็นต้นเหตุไปตรวจหาพิษ เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล ถ้าเกิดจากอาหารเป็นพิษจำเป็นต้องทำการขับเอาอาหารที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะลำไส้ออกให้มากที่สุด โดยการทำให้อาเจียน ล้างท้อง หรือสวนทวาร ให้กินผง ถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) เพื่อลดการดูดซึมพิษ

ถ้าติดทางบาดแผล จำเป็นต้องตัดเลาะเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อออกไป

นอกจากนี้ ให้การดูแลรักษาแบบประคับประคอง เช่น ให้สารน้ำและสารอาหารทางหลอดเลือดดำ คาสายสวนปัสสาวะ ในรายที่หายใจไม่ได้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจนกว่าจะหายใจได้เอง ทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่อ่อนแรง ป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน เป็นต้น

บางกรณี แพทย์จะฉีดเซรุ่มต้านพิษ (botulinum antitoxin) ซึ่งควรฉีดภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีอาการ จึงจะได้ผลดีในการทำลายพิษที่หลงเหลืออยู่ในเลือด เพื่อป้องกันไม่ให้อาการลุกลามหนักขึ้น (ส่วนทารกที่เป็นโรคนี้จากการกินสปอร์ที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหาร จะใช้เซรุ่มต้านพิษไม่ได้ผล เพราะไม่สามารถทำลายสปอร์)

ผลการรักษาขึ้นกับความรุนแรงของโรคและความรวดเร็วของการได้รับการดูแลรักษา

หากได้รับการดูแลรักษารวดเร็วและถูกต้อง ส่วนใหญ่มักจะหายขาดได้ โดยใช้เวลานานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนกว่ากล้ามเนื้อจะทำงานได้เป็นปกติ

ในรายที่เป็นรุนแรง (มีภาวะหายใจลำบากหรือหยุดหายใจ) หากไม่ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที ก็อาจเสียชีวิตภายใน 3-7 วัน หลังมีอาการ

โดยเฉลี่ย โรคนี้มีอัตราตายประมาณร้อยละ 5-10


การดูแลตนเอง

หากมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อเกิดขึ้นเฉียบพลัน เช่น หนังตาตก พูดอ้อแอ้หรือเสียงค่อยมาก กลืนลำบาก หายใจลำบาก แขนขาเป็นอัมพาต (ในทารกจะพบอาการคอพับคออ่อน เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก หายใจลำบาก) ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อพบว่าเป็นโบทูลิซึม ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด


การป้องกัน

1. เลือกกินอาหารกระป๋องที่ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อที่ถูกต้อง (ฆ่าเชื้อสปอร์ภายใต้หม้ออัดแรงดัน อุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที)* หลีกเลี่ยงอาหารกระป๋องที่บู้บี้ บวมป่อง หมดอายุ หรืออาหารที่บูดเน่า (มีกลิ่นเหม็นหรือเปลี่ยนสี)

2. หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่บรรจุในภาชนะมิดชิดที่ผลิตแบบอุตสาหกรรมในครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่อไม้ปี๊บ เนื้อสัตว์ (เช่น สัตว์ป่า)

หากไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ ควรนำไปต้มในน้ำเดือดหรือทำให้เดือดนานประมาณ 30 นาที แม้พิษโบทูลินจะถูกทำลายเมื่ออยู่ในอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส นาน 10 นาที แต่ในแง่ปฏิบัติแนะนำให้ต้มให้เดือดนาน 30 นาที เผื่อเวลาที่ความร้อนต้องส่งผ่านจากภายนอกเข้าสู่ภายในของชิ้นอาหาร**

3. อาหารที่เหลือเก็บไว้กินมื้อต่อไป ควรนำไปเก็บในตู้เย็น ไม่ควรทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง และก่อนกินครั้งใหม่ควรปรุงให้ร้อน

4. เมื่อมีบาดแผลสกปรก ปนเปื้อนดินทราย ควรทำการชะล้างบาดแผลให้สะอาด และควรปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในการป้องกันการติดเชื้อ

5. หลีกเลี่ยงการฉีดยาด้วยเข็มที่ไม่ได้ผ่านกรรมวิธีทำให้ปลอดเชื้อ

6. หลีกเลี่ยงการป้อนน้ำผึ้งแก่ทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี

* สปอร์ มีความทนต่อความร้อนสูง การต้มให้เดือด (100 องศาเซลเซียส) ไม่สามารถทำลายมันได้ ในขณะที่พิษโบทูลินสามารถถูกทำลายด้วยความร้อนที่น้อยกว่า
** ดร.วิสิฐ จะวะสิต. สารพิษโบทูลิน: มหันตภัยที่ซ่อนในหน่อไม้ปี๊บ. นิตยสารหมอชาวบ้าน 2549:28(พ.ค.):17-24.

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้ในระยะแรกมักมีอาการแบบอาหารเป็นพิษ (คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน) นำมาก่อนจะมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ดังนั้นเมื่อพบผู้ป่วยมีอาการอาหารเป็นพิษ อย่าลืมถามประวัติอาหารที่ผู้ป่วยกิน (เช่น หน่อไม้ปี๊บ อาหารกระป๋อง เนื้อสัตว์ป่าที่บรรจุในภาชนะมิดชิด) หากสงสัยควรเฝ้าสังเกตดูอาการอย่างใกล้ชิด (อาการปากแห้ง คอแห้ง หนังตาตก พูดเสียงค่อย กลืนลำบาก) และส่งต่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาลด่วน

2. ผู้ป่วยที่มีอาการหนังตาตก (ตาปรือ ลืมตาไม่ขึ้น) อาจมีสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น พิษงูเห่า โบทูลิซึม ไมแอสทีเนียเกรวิส เป็นต้น (ตรวจอาการอัมพาต/หนังตาตก ประกอบ) แต่ถ้าพบอาการหนังตาตกทั้ง 2 ข้าง หรือเกิดขึ้นฉับพลันพร้อมกันหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีอาการแบบอาหารเป็นพิษนำมาก่อน ควรคิดถึงโบทูลิซึม

3. ในกรณีที่สงสัยผู้ป่วยเป็นโรคนี้ ควรนำอาหารที่สงสัยว่าเป็นต้นเหตุไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลด้วย

4. ผู้ป่วยที่รับพิษรุนแรง มักมีอาการหายใจไม่ได้เนื่องจากกล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต ต้องคอยเฝ้าดูอาการนี้ และให้การช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ซึ่งมักจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจนกว่าจะปลอดภัย

* ต่างกันที่การเรียงลำดับ โบทูลิซึมจะเป็นจากบนลงล่าง (descending paralysis) คือเริ่มที่หน้าก่อน ค่อยลงมาที่หน้าอก หน้าท้อง (หยุดหายใจ) แล้วไปสิ้นสุดที่แขนขา ส่วนพิษปลาปักเป้าจะเป็นจากส่วนปลายเข้าหาส่วนกลาง (ascending paralysis) คือ เริ่มจากแขนขาก่อน แล้วไปที่หน้าและไปสิ้นสุดที่หน้าอก หน้าท้อง (หยุดหายใจ) นอกจากนี้โบทูลิซึมไม่มีอาการชา ส่วนพิษปลาปักเป้ามีอาการชาที่ปาก ลิ้น หน้า แขน ขา

3
ผ้ากันไฟสีแดง Silicone coated Silica cloth หรือ ผ้ากันไฟซิลิก้าเคลือบซิลิโคน ทำมาจากอะไร

ผ้ากันไฟซิลิก้าเคลือบซิลิโคน (Silicone Coated Silica Cloth)

ผ้าซิลิก้า (Silica cloth) ทอขึ้นมาจากเส้นใยซิลิก้าที่ยาวแบบต่อเนื่อง โดยมีปริมาณของซิลิก้าไม่น้อยกว่าร้อยละ 96 ผ้าซิลิก้าจะเหมือนผ้าใยแก้วทุกอย่าง แต่ถ้าดูดีๆ ผ้าซิลิก้าจะละเอียดกว่า และการทอก็จะดูแน่นกว่าผ้าใยแก้ว ไม่มีอาการคันหรือเกิดการระคายเคืองผิว

ซึ่งรุ่นนี้ได้ทำการเคลือบซิลิโคนเข้ามาเพิ่ม ซึ่งปกติแล้ว ผ้ากันไฟซิลิก้าเป็นผ้าที่มีคุณสมบัติทนทานต่อความร้อนสูง โดยที่สามารถทนต่ออุณหภูมิที่ประมาณสูงสุดถึง 1000 °C แล้วสารตัวเคลือบจะทนได้ถึง 280 °C ซึ่งทนมากๆ เหมาะกับการใช้งานที่มีอุณหภูมิสูงๆ

สามารถเอาไปใช้งานในด้านไหนได้บ้าง

1.ผ้ากันสะเก็ดไฟเชื่อม
2.เป็นผ้าม่านกันไฟ
3.เป็นผ้าคลุมอุปกรณ์ หรือ เครื่องจักรป้องกันความเสียหายจากความร้อน
4.เป็นผ้ากันไฟไม่ให้ลุกลามใหญ่โตจนเกินไป
5.เป็นวัสดุกันความร้อนและเปลวไฟ
6.ใช้เป็นฉนวนหุ้ม Turbine ได้ สำหรับงานกันความร้อน

คุณสมบัติเด่นๆ มีอะไรบ้าง

1.ทนอณุหภูมิสูงสุดได้ 1000 °C
2.สารเคลือบสามารถทนอุณหภูมิได้ถึง 280 °C
3.เป็นผ้ากันไฟไม่คัน ไม่ระคายเคืองผิว
4.มีอายุการใช้งานได้นาน ไม่ขาดง่าย

ในตอนนี้ ผ้าซิลิก้าเคลือบซิลิโคน ได้รับความนิยมสูงเพราะมีอายุใช้งานได้นาน และถูกนำไปใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นงานด้านตัดเย็บ เป็น ผ้ากันไฟ ม่านกันไฟ ผ้ากันความร้อน ผ้าทนความร้อน ผ้าคลุมกันไฟ ผ้ารองกันสะเก็ดไฟ ผ้ากันสะเก็ดไฟเชื่อม ผ้าใบกันไฟ ผ้าใบทนความร้อน ผ้าม่านกันสะเก็ดไฟ

4
อาหารสายยาง อาหารปั่นผสม สามารถทำให้ท้องเสียได้หรือไม่

อาหารสายยาง อาหารปั่นผสม เป็นอาหารทางการแพทย์ อาหารสุขภาพ ที่ใช้ในกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่สามารถกลืนอาหารเองได้ และกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องให้อาหารทางสายยาง อาหารจะต้องมีความสะอาด ปลอดภัย ไม่มีสารปนเปื้อนในอาหาร ถึงจะมีความปลอดภัยแก่ผู้ป่วย หลังจากที่ได้รับอาหารปั่นผสม

นอกจากนี้ น้ำ มีความจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต การได้รับน้ำมากหรือน้อยเกินไปส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตได้ โดยส่วนมากคนเราได้รับน้ำจากสารเหลวและอาหาร แต่จะมีการสูญเสียน้ำไปทางปัสสาวะ อุจจาระ การอาเจียน ทางผิวหนัง(เหงื่อ) และกายหายใจ ปริมาณน้ำในร่างกายจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก การได้รับน้ำที่น้อยเกินไปนั้นมักเกิดจากการอาเจียน ท้องเสีย เสียเลือด เสียเหงื่อมาก และปัสสาวะออกมาก

หลังจากการให้อาหารทางสายยางเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรให้น้ำแก่ผู้ป่วยด้วยปริมาณที่เหมาะสมด้วย เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม อาหารปั่นผสมที่จะให้แก่ผุ้ป่วยจะต้องมีความสะอาด ผู้ที่ผลิตอาหารรวมไปถึงผู้ที่ให้อาหารแก่ผู้ป่วยจะต้องล้างมือก่อนทุกครั้ง และภาชนะจะต้องมีความสะอาด ผ่านการฆ่าเชื้อโรค หากผู้ป่วยได้รับอาหารที่ไม่สะอาด มีสารปนเปื้อน อาจจะทำให้ผู้ป่วยเกิดอาเจียน หรือท้องเสียได้ ซึ่งจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและขาดน้ำได้ และอาหารปั่นผสม ควรนำไปแช่ตู้เย็น เพื่อให้เป็นการถนอมอาหาร หากวางไว้ในที่ที่มีอากาศร้อนอาจจะทำให้อาการบูดหรือเสียได้

แต่อาหารปั่นผสมของเรามีการผลิตที่ปลอดภัย ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อทั้งภาชนะที่ใส่ รวมไปถึงอาหารที่ใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ ในการนำมาปรุงอาหารโดยผ่านการต้มสุก เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ มีคุณภาพ รวมไปถึงสารอาหารที่ครบถ้วน ทางอาหารปั่นผสม เราผลิตจากห้องปลอดเชื้อของทางโรงพยาบาล มีการควบคุมโดยนักโภชนาการที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของอาหารปั่นผสม สามารถหาซื้ออาหารปั่นผสม ได้ที่โรงพยาบาลธนบุรี 2 และโรงพยาบาลกรุงเทพ-พัทยา ดดยจะจำหน่ายอาหารสำหรับ 1 วัน แบ่งเป็นมื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็น สามารถเก็บรักษาได้นานถึง 24 ชั่วโมง

5
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ท่อน้ำดีตีบตันในทารก (Biliary atresia)

ทารก บางรายอาจมีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินน้ำดี* ซึ่งมีได้หลายลักษณะ ส่วนใหญ่เป็นชนิดที่มีการตีบตันของระบบท่อน้ำดีทุกส่วนที่อยู่นอกตับ ส่วนน้อยมีการตีบตันของท่อน้ำดีเฉพาะบางส่วน การตีบตันของทางเดินน้ำดี ทำให้น้ำดีที่สร้างในตับระบายไม่ออก เกิดการคั่งอยู่ในตับ ทำให้เซลล์ตับถูกทำลาย เกิดอาการดีซ่านรุนแรง และมักมีภาวะตับแข็งและตับวายแทรกซ้อนตามมาในที่สุด

บางรายอาจมีภาวะผิดปกติของอวัยวะอื่น (เช่น หัวใจ หลอดเลือด ม้าม ลำไส้) ร่วมด้วย

โรคนี้พบได้น้อยมาก (ประมาณ 1 รายในทารก 10,000 - 20,000 ราย)

*ระบบทางเดินน้ำดี (Biliary system) คือ ระบบท่อน้ำดีที่นำน้ำดีซึ่งสร้างจากเซลล์ในตับไปสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น (duodenum)

ประกอบด้วย 1.ท่อตับข้างขวา (right hepatic duct ), 2.ท่อตับข้างซ้าย (left hepatic duct ), 3. ท่อตับร่วม (common hepatic duct ), 4. ท่อถุงน้ำดี (cystic duct) 5. ท่อน้ำดีร่วม (commom bile duct)

โดยน้ำดีจากตับข้างขวาและข้างซ้ายไหลผ่านท่อตับข้างขวาและท่อตับข้างซ้ายตามลำดับ ลงไปที่ท่อตับร่วม(เกิดจากการรวมตัวกันของท่อตับข้างขวาและข้างซ้าย)   น้ำดีส่วนใหญ่จะไหลผ่านท่อถุงน้ำดีไปเก็บสะสมที่ถุงน้ำดี  น้ำดีจากถุงน้ำดีและน้ำดีจากท่อตับร่วมจะไหลผ่านท่อน้ำดีร่วมลงไปในลำไส้เล็กส่วนต้น ปนออกไปกับอุจจาระ ทำให้อุจจาระมีสีเหลืองซึ่งเป็นสีของน้ำดี(ที่สร้างจากบิลิรูบินซึ่งเป็นสารสีเหลือง)

โรคท่อน้ำดีตีบตันในทารก มีการตีบตันของระบบท่อน้ำดีส่วนต่าง ๆ ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 70 - 90) เป็นการตีบตันของท่อน้ำดีทั้งระบบ (ท่อทุกส่วน) ส่วนน้อยมีการตีบตันของระบบท่อน้ำดีบางส่วน (เช่น ตับตันเฉพาะที่ท่อตับร่วม, หรือเฉพาะที่ท่อน้ำดีร่วม, หรือที่ท่อตับร่วมกับท่อน้ำดีร่วมและถุงน้ำดีทั้ง 3 แห่ง)


สาเหตุ

เป็นภาวะที่เกิดขึ้นในระยะพัฒนาการตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โดยยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด

สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากความผิดปกติของการสร้างท่อน้ำดีโดยกำเนิด 

อีกส่วนหนึ่งไม่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติโดยกำเนิด สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสบางชนิด (กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิต้านตัวเอง หรือออโตอิมมูน) หรือสารพิษบางชนิด ทำให้เกิดการอักเสบของท่อน้ำดีของทารกในครรภ์ เป็นผลให้ท่อน้ำดีสลายตัวและตีบตันตามมา บ้างสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการเอ่อกลับของน้ำย่อยจากตับอ่อนของทารกในครรภ์ หรือ ทำให้ท่อน้ำดีถูกทำลาย

อาการ

ทารกส่วนใหญ่จะไม่มีอาการผิดปกติในช่วงหลังคลอดใหม่ ๆ แต่จะเริ่มมีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง และปัสสาวะเหลืองเข้มคล้ายสีขมิ้น ภายในราว 2 สัปดาห์ ถึง 2 เดือนหลังคลอด และจะเหลืองเข้มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องนานเป็นแรมเดือนจนผิวหนังออกเป็นสีเหลืองปนเขียว อุจจาระมักสีเหลืองอ่อนหรือซีดขาว ต่อมาทารกจะมีอาการกระสับกระส่าย น้ำหนักลด

ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้รับการผ่าตัดแก้ไข เซลล์ตับจะถูกทำลายจนเกิดภาวะตับแข็ง มีอาการท้องมาน อาจมีอาการอาเจียนเป็นเลือด และภาวะเลือดออกง่าย


ภาวะแทรกซ้อน

ตับแข็ง ตับวาย

ความดันในหลอดเลือดดำของตับสูง (portal hypertension) ทำให้ท้องมาน อาเจียนเป็นเลือด


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งจะตรวจพบอาการตาเหลือง ตัวเหลืองจัด (หรือเหลืองปนเขียว) ปัสสาวะเหลืองเข้มเป็นสีขมิ้น อุจจาระสีซีดขาว เมื่ออายุเกิน 2-3 เดือน มักตรวจพบตับโต ม้ามโต อาจพบท้องบวม

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และตรวจพิเศษอื่น ๆ เช่น อัลตราซาวนด์ สแกนตับ (hepatobiliary scan) การเจาะเนื้อตับออกพิสูจน์ เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล

มักจะต้องทำการผ่าตัดแก้ไขภาวะตีบตันของทางเดินน้ำดีให้ระบายน้ำดีได้สะดวก ซึ่งควรทำก่อนอายุได้ 8 สัปดาห์ และติดตามผลการรักษาเป็นระยะ ในรายที่พบว่าน้ำดียังระบายได้ไม่ดีและมีเซลล์ตับถูกทำลาย แพทย์จะทำการปลูกถ่ายตับ (liver transplantation)

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของโรค หากมีความรุนแรงไม่มาก และได้รับการผ่าตัดแก้ไขก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อน ทารกก็สามารถเจริญเติบโตได้เป็นปกติ โดยเฉลี่ยราวร้อยละ 50 และ 30 มีชีวิตอยู่ได้นานเกิน 5 และ 10 ปีตามลำดับ ราว 1 ใน 3 ของผู้ป่วยหลังได้รับผ่าตัดแก้ไขภาวะตีบตันของทางเดินน้ำดี การระบายน้ำดียังไม่ดีพอ มักจะเสียชีวิตภายในไม่กี่ปี จากโรคตับแข็งรุนแรงและตับวาย นอกจากจะได้รับการปลูกถ่ายตับ ซึ่งช่วยให้การทำหน้าที่ของตับฟื้นคืนปกติ

ถ้ามีความรุนแรง หรือมีความผิดปกติของอวัยวะอื่น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดปกติของหัวใจ) หรือได้รับการรักษาช้าเกิน (หลังอายุ 8 สัปดาห์ขึ้นไป) ผลการรักษาก็มักจะไม่สู้ดี และมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน (ราว 1-2 ปี หรือไม่เกิน 5 ปี)


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น ทารกแรกเกิดมีอาการตาเหลืองตัวเหลืองที่มีลักษณะเหลืองมากขึ้นเรื่อย ๆ นานเกินสัปดาห์ หรือมีอาการเหลืองจัด และอุจจาระสีซีดขาว ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว 

เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคท่อน้ำดีตีบตัน ควรดูแลรักษา ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีไข้ ซึม ดีซ่าน ไม่ดูดนม ท้องเดิน หรือแผลอักเสบ หรือมีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น)


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ควรหาทางป้องกันไม่ให้โรคกลายเป็นรุนแรงด้วยการดูแลรักษากับแพทย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง


ข้อแนะนำ

เมื่อพบทารกแรกเกิด มีอาการดีซ่าน ควรสังเกตอาการเปลี่ยนแปลง ลักษณะการขับถ่ายและสีอุจจาระ ถ้าพบว่าตัวเหลืองเข้มขึ้นทุกวันนานเกิน 1-2 สัปดาห์ หรือพบว่าอุจจาระสีเหลืองอ่อนหรือซีดขาว ควรคิดถึงโรคนี้ และรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว

6
ของตกแต่งบ้านสไตล์นอร์ดิกมินิมอล รวมไปถึงคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย

การแต่งบ้านสไตล์ นอร์ดิกมินิมอล (Nordic Minimalist) เป็นการผสมผสานความเรียบง่าย สะอาดตาของมินิมอล เข้ากับความอบอุ่น ฟังก์ชันการใช้งาน และการเชื่อมโยงกับธรรมชาติของสไตล์นอร์ดิกได้อย่างลงตัวค่ะ สไตล์นี้เน้นการสร้างพื้นที่ที่โปร่ง โล่ง สบายตา และใช้งานได้จริงในทุกวัน ลองมาดูไอเดียของตกแต่งบ้านที่คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยสำหรับสไตล์นี้กันค่ะ

หลักการสำคัญของสไตล์นอร์ดิกมินิมอล

ความเรียบง่ายและฟังก์ชัน: ทุกชิ้นต้องมีประโยชน์ใช้สอย และดีไซน์ไม่ซับซ้อน

วัสดุธรรมชาติ: เน้นไม้สีอ่อน ผ้าฝ้าย ลินิน ขนสัตว์ เซรามิก และแก้ว

โทนสีสว่างและอบอุ่น: สีขาว เทาอ่อน เบจ น้ำตาลอ่อนจากไม้ และอาจมีสีพาสเทลเล็กน้อย

แสงธรรมชาติ: เปิดรับแสงให้เข้ามาในบ้านให้มากที่สุด

ความอบอุ่นแบบ Hygge: สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น สบาย และน่าอยู่


ไอเดียของตกแต่งบ้านสไตล์นอร์ดิกมินิมอล ที่เน้นประโยชน์ใช้สอย

1. เฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนดีไซน์เรียบ (Light Wood Furniture with Clean Lines)

เฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหัวใจของสไตล์นอร์ดิก และเมื่อรวมกับความมินิมอล จะเน้นที่ฟังก์ชันและการใช้งานจริง

ตัวอย่าง:

ชั้นวางของไม้แบบเปิด (Open Shelving): ใช้สำหรับวางหนังสือ ของตกแต่ง หรือต้นไม้เล็กๆ ช่วยให้ห้องดูโปร่ง และยังเป็นพื้นที่จัดแสดงของใช้ที่สวยงาม

โต๊ะกลาง/โต๊ะข้างไม้ (Coffee Table/Side Table): เลือกแบบที่มีช่องเก็บของใต้โต๊ะ หรือมีลิ้นชักเล็กๆ สำหรับเก็บรีโมท หรือของใช้กระจุกกระจิก

เก้าอี้ไม้ดีไซน์เรียบ: อาจมีพนักพิงโค้งมนเล็กน้อย หรือเป็นเส้นตรงที่ดูสบายตา ใช้งานได้จริงทั้งนั่งพักผ่อน หรือเป็นมุมอ่านหนังสือ

ประโยชน์ใช้สอย: จัดเก็บของ, วางของ, เป็นที่นั่งพักผ่อน, สร้างความอบอุ่นจากวัสดุธรรมชาติ


2. สิ่งทอจากธรรมชาติ (Natural Textiles) เช่น หมอนอิง ผ้าห่ม พรม

สิ่งทอช่วยเพิ่มความอบอุ่นและเท็กซ์เจอร์ให้กับห้อง ทำให้รู้สึกนุ่มนวลและน่าสัมผัส

ตัวอย่าง:

หมอนอิงผ้าฝ้าย/ลินิน (Cotton/Linen Cushions): เลือกสีพื้น เช่น ขาว เทา เบจ หรือลายทาง/ลายตารางเล็กๆ วางบนโซฟาหรือเตียง

ผ้าห่มถัก/ผ้าคลุมโซฟา (Knitted Throws/Sofa Covers): ทำจากผ้าฝ้าย ขนสัตว์ หรืออะคริลิกเนื้อนุ่ม สีอ่อนๆ วางพาดบนโซฟาหรือปลายเตียง

พรมขนสั้น/พรมทอจากป่าน (Low-Pile/Jute Rugs): เลือกสีอ่อนๆ หรือลายเรขาคณิตเรียบๆ วางใต้โต๊ะกลาง หรือข้างเตียง

ประโยชน์ใช้สอย: เพิ่มความสบายในการนั่ง/นอน, ให้ความอบอุ่น, เพิ่มเท็กซ์เจอร์และมิติให้กับห้อง, ซับเสียง


3. โคมไฟดีไซน์เรียบง่าย (Simple Design Lamps)

แสงสว่างเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างบรรยากาศ และโคมไฟในสไตล์นี้ก็ต้องสวยงามและใช้งานได้จริง

ตัวอย่าง:

โคมไฟตั้งพื้นทรงสูงเพรียว (Tall Floor Lamps): มีฐานและก้านที่เรียบง่าย อาจเป็นไม้หรือโลหะสีดำ/ขาว ให้แสงสว่างในมุมที่ต้องการ

โคมไฟตั้งโต๊ะเซรามิก/ไม้ (Ceramic/Wood Table Lamps): ฐานเป็นเซรามิกผิวด้าน หรือไม้เนื้ออ่อน จับคู่กับโป๊ะโคมผ้าสีขาวนวล

โคมไฟแขวนเพดานทรงกลม/กระบอก (Pendant Lamps): ดีไซน์เรียบง่าย ทำจากโลหะสีขาว/ดำ หรือแก้วโอปอล ให้แสงสว่างเฉพาะจุด

ประโยชน์ใช้สอย: ให้แสงสว่างที่เพียงพอ, สร้างบรรยากาศอบอุ่น, เป็นของตกแต่งที่สวยงาม


4. ตะกร้าเก็บของ/กระถางต้นไม้ (Storage Baskets / Planters)

ของใช้เหล่านี้ช่วยจัดระเบียบและเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับห้อง

ตัวอย่าง:

ตะกร้าสานจากหวาย/ปอ (Woven Baskets): ใช้สำหรับเก็บผ้าห่ม หมอนอิง นิตยสาร หรือของเล่นเด็ก ช่วยซ่อนความรกและเพิ่มความเป็นธรรมชาติ

กระถางต้นไม้เซรามิก/ดินเผา (Ceramic/Terracotta Pots): เลือกทรงเรขาคณิตเรียบๆ สีขาว เทา ดำ หรือสีดินเผาธรรมชาติ

ต้นไม้ฟอร์มสวย: เช่น ยางอินเดีย, มอนสเตอร่า, ลิ้นมังกร, ไทรใบสัก เพิ่มความสดชื่นและเชื่อมโยงกับธรรมชาติ

ประโยชน์ใช้สอย: จัดเก็บของให้เป็นระเบียบ, เพิ่มพื้นที่สีเขียวในบ้าน, สร้างความรู้สึกผ่อนคลาย


5. ของตกแต่งผนังที่เน้นเส้นสาย/รูปทรง (Wall Decor with Clean Lines/Shapes)

การตกแต่งผนังควรเน้นความเรียบง่าย แต่มีเอกลักษณ์

ตัวอย่าง:

ชั้นวางของติดผนังแบบลอยตัว (Floating Shelves): ทำจากไม้สีอ่อน หรือโลหะบางๆ ใช้สำหรับวางหนังสือไม่กี่เล่ม หรือของตกแต่งชิ้นเล็กๆ

กระจกทรงกลม/วงรี (Round/Oval Mirrors): เลือกแบบที่มีกรอบบางๆ หรือไร้กรอบ เพื่อเพิ่มความโปร่งโล่งและสะท้อนแสง

งานศิลปะนามธรรม/ภาพวาดเส้น (Abstract Art/Line Art): เลือกภาพที่เน้นสีขาว ดำ เทา หรือสีเอิร์ธโทน ในกรอบไม้สีอ่อน หรือกรอบโลหะบางๆ

ประโยชน์ใช้สอย: เพิ่มพื้นที่จัดแสดง, ทำให้ห้องดูกว้างขึ้น, สร้างจุดโฟกัสที่สวยงามบนผนัง

การแต่งบ้านสไตล์นอร์ดิกมินิมอลที่คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย คือการสร้างสรรค์พื้นที่ที่สวยงามน่าอยู่ สงบ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัวค่ะ หวังว่าไอเดียเหล่านี้จะเป็นประโยชน์นะคะ!


7
เด็กที่มีปัญหาสุขภาพฟันแบบไหน ที่ควรเข้ารับการจัดฟันเด็ก

สุขภาพปากและฟัน มีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมีมากมายมีผลกระทบกระเทือนต่อภาวะโภชนาการของเด็ก ซึ่งล้วนแล้วแต่สามารถป้องกันได้เกือบทั้งสิ้น การดูแลสุขภาพฟันในเด็กถือเป็นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่ดูแลเอาใจใส่ให้มาก ควรปลูกฝังให้เด็กฝึกหัดแปรงฟันอย่างถูกวิธี หมั่นตรวจฟันลูกหรือหัดให้ลูกตรวจฟันด้วยตนเองทุก ๆ วันหลังแปรงฟัน และควรพาไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟันอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง เพื่อสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี

นอกจากนี้สุขภาพช่องปากและฟัน สามารถดูแลรักษาและบำรุงได้ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผัก ผลไม้สด และนมสด เพื่อที่จะได้กระตุ้นขากรรไกรของเด็กให้เจริญเติบโตได้สัดส่วน และควรจะให้เด็กลดการกินลูกอม ขนมหวานหรืออาหารที่เป็นการทำลายฟันด้วย ในปัจจุบันวงการทันตกรรมได้มีการพัฒนา โดยเด็กสามารถจัดฟันได้เหมือนผู้ใหญ่ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังมีฟันน้ำนมอยู่ก็ตาม เพราะเป็นการแก้ปัญหาฟันผิดปกติของเด็ก ๆ โดยไม่ต้องรอให้โต โดยช่วยให้สุขภาพฟันดี และรองรับการขึ้นของฟันแท้ในอนาคตได้ด้วย

โดยการ จัดฟันในเด็ก สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่ตอนที่เด็กอายุ 6-7 ขวบ พ่อแม่ผู้ปกครองควรนำเด็ก ๆ อายุต่ำว่า 10 ปี มาตรวจกับทันตแพทย์ผู้ทำการจัดฟันได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวัยรุ่นเพราะเป็นช่วงที่ฟันกำลังพัฒนาและขากรรไกรกลังเจริญเติบโต และถ้าตรวจพบปัญหาฟันซ้อน การสบฟันผิดปกติ จะสามารถแก้ไขได้ง่ายมากกว่าการจัดฟันตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ข้อดีของการจัดฟันในเด็ก ก็คือ ทำให้การขึ้นของฟันแท้ สามารถขึ้นได้อย่างถูกต้อง และจะไม่มีความผิดปกติในการขึ้นของฟันแท้ ทั้งยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหา ความผิดปกติของโครงหน้าได้อีกด้วย พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะหมั่นดูแล สังเกตความผิดปกติของฟันของเด็กอย่างสม่ำเสมอ

หากมีความผิดปกติหรือสัญญาณที่บ่งบอกว่า เด็กมีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน ควรรีบพาไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไข ที่คลินิกเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของสุขภาพช่องปากของเด็ก และยังมีบริการการจัดฟันในเด็ก ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาฟันของเด็กได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้เด็กเติมโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นใจในรอยยิ้มและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

สำหรับสัญญาณที่บ่งบอกว่า เด็กควรเข้ารับการจัดฟันเพื่อแก้ไขปัญหาความผิดปกติ คือเด็กที่มีปัญหา ยกตัวอย่างเช่น เด็กที่มีปัญหาฟันหน้ายื่น เพราะปัญหาดังกล่าว ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการแตกหักของตัวฟัน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เช่น หกล้ม ตกบันได ซึ่งอาจจะได้รับอันตรายต่อสุขภาพฟันอย่างมาก หากเกิดอุบัติเหตุ

และเด็กที่มีปัญหาการที่ฟันสบกันผิดปกติ เพราะอาจทำให้ขากรรไกรเติบโตแบบไม่สมดุลกัน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการขึ้นของฟันแท้ได้ เด็กที่มีปัญหาช่องฟันห่าง เพราะช่วยปรับให้ซี่ฟันอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง และง่ายต่อการขึ้นของฟันแท้ เด็กที่มีปัญหาในเรื่องของขากรรไกรไม่ได้สัดส่วนกับหน้า เพราะเจริญเติบโตผิดปกติ

การกลืนอาหารผิดปกติ นอกจากนี้การจัดฟันในเด็กยังสามารถครอบคลุมไปถึงปัญหาพฤติกรรมของเด็ก คือ

    เด็กที่ดูดนิ้ว
    กัดเล็บ
    กัดสิ่งของเป็นประจำ
    นอนหายใจทางปาก

ซึ่งการจัดฟันก็สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ด้วย หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่าน เข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำหรือพาบุตรหลานของท่านเข้ามาตรวจประเมินช่องปากก่อนได้ จากทางคลินิกทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดฟันในเด็ก ยินดีให้คำปรึกษา เพื่อให้บุตรหลานของท่านได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อปลูกฝังให้เด็กรู้จักรักษาความสะอาดและใส่ใจสุขภาพช่องปากและฟันด้วย

8
การติดตั้งผ้ากันไฟ ควรระวังอะไรบ้าง

การติดตั้งผ้ากันไฟควรระมัดระวังหลายประการ เพื่อให้มั่นใจว่าผ้ากันไฟจะสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ โดยมีข้อควรระวังดังนี้:

1. การเลือกตำแหน่งติดตั้ง

บริเวณที่มีความเสี่ยงสูง: ติดตั้งผ้ากันไฟในบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้สูง เช่น ห้องครัว ห้องเครื่องจักร หรือบริเวณที่มีสารไวไฟ
เข้าถึงง่าย: ติดตั้งผ้ากันไฟในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
ระยะห่างจากแหล่งความร้อน: ติดตั้งผ้ากันไฟให้ห่างจากแหล่งความร้อนโดยตรง เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของผ้า

2. การติดตั้งที่ถูกต้อง

ความแข็งแรงของการยึดติด: ยึดติดผ้ากันไฟให้แน่นหนา เพื่อป้องกันการหลุดร่วงเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้
ความเรียบร้อยของการติดตั้ง: ติดตั้งผ้ากันไฟให้เรียบร้อย ไม่ให้มีรอยยับหรือรอยพับที่อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง
การติดตั้งตามคำแนะนำ: ติดตั้งผ้ากันไฟตามคำแนะนำของผู้ผลิตและมาตรฐานความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง

3. การเตรียมอุปกรณ์

อุปกรณ์ติดตั้ง: ใช้อุปกรณ์ติดตั้งที่เหมาะสม เช่น ตะขอ สกรู หรืออุปกรณ์ยึดอื่นๆ ที่มีความแข็งแรง
เครื่องมือช่าง: ใช้เครื่องมือช่างที่เหมาะสมและปลอดภัยในการติดตั้ง

4. ความปลอดภัยส่วนบุคคล

อุปกรณ์ป้องกัน: สวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เช่น ถุงมือ แว่นตา หรือหน้ากาก เพื่อป้องกันอันตรายจากการติดตั้ง
ความระมัดระวัง: ระมัดระวังในการติดตั้ง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากเครื่องมือหรือวัสดุ

5. การตรวจสอบหลังการติดตั้ง

ความมั่นคง: ตรวจสอบความมั่นคงของการติดตั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าผ้ากันไฟจะไม่หลุดร่วง
ความพร้อมใช้งาน: ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของผ้ากันไฟ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถใช้งานได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

6. การฝึกอบรม

การใช้งาน: ฝึกอบรมพนักงานหรือผู้อยู่อาศัยให้มีความรู้ความเข้าใจในการใช้งานผ้ากันไฟอย่างถูกต้อง
การดูแลรักษา: ฝึกอบรมการดูแลรักษาผ้ากันไฟอย่างเหมาะสม เพื่อยืดอายุการใช้งาน

ข้อควรระวังเพิ่มเติม

การเลือกผ้ากันไฟ: เลือกผ้ากันไฟที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานและสภาพแวดล้อม
การตรวจสอบเป็นประจำ: ตรวจสอบผ้ากันไฟเป็นประจำ เพื่อหารอยชำรุดหรือความเสียหาย
การเปลี่ยนผ้ากันไฟ: เปลี่ยนผ้ากันไฟเมื่อหมดอายุการใช้งานหรือเมื่อพบรอยชำรุด

9
ปล่อยรถไมล์น้อย Ford Everest 2.0 BI-TURBO TITANIUM PLUS 4×4 TOP ปี 2022 ฟรีประกันชั้น1

Ford Everest 2.0 Bi-Turbo Titanium+ 4x4 TOP ปี 2022 เป็นหนึ่งในรถยนต์อเนกประสงค์ (PPV - Pick-up Passenger Vehicle) ที่ได้รับความนิยมในตลาดประเทศไทย ด้วยการผสมผสานความหรูหรา ความสะดวกสบาย และสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ทั้งบนทางเรียบและแบบออฟโรด ถือเป็นตัวท็อปของรุ่นที่มาพร้อมกับฟีเจอร์และเทคโนโลยีจัดเต็ม

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 11 มิ.ย. - 30 มิ.ย. 2568
วารันตีศูนย์ 5 ปี 150,000 กิโล,ประกันชั้น1 เหลือ
ล้อยางมูลค่า 140,000 บาท,สีรถเคลือบแก้วอย่างดี,Film Ceramic,ชุดแต่ง Victor
รับประกันไม่มีชนหนัก พลิกคว่ำ น้ำท่วม ไมล์แท้ การันตี

ราคาพิเศษ 1,450,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

เครื่องยนต์ทรงพลังและระบบขับเคลื่อน 4x4 ที่เหนือชั้น:

ใช้เครื่องยนต์ ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว
ให้กำลังสูงสุด 210 แรงม้า (PS) ที่ 3,750 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,000 รอบ/นาที
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ แบบ E-Shifter (คันเกียร์ไฟฟ้า)
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-time 4WD พร้อม Terrain Management System ที่เลือกโหมดการขับขี่ได้ 6 รูปแบบ (Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery, Mud/Ruts, Sand) และ Diff Lock หลังไฟฟ้า ช่วยเพิ่มความสามารถในการลุยทางออฟโรด


10
โปรโมทสินค้าฟรี / Doctor At Home: สิ่งแปลกปลอมเข้าหู (Foreign body in ear canal)
« เมื่อ: วันที่ 29 มิถุนายน 2025, 21:13:45 น. »
Doctor At Home: สิ่งแปลกปลอมเข้าหู (Foreign body in ear canal)

สิ่งแปลกปลอมเข้าหู เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก ส่วนใหญ่ไม่มีอันตราย ส่วนน้อยอาจทำให้หูอักเสบจากการติดเชื้อ

สิ่งแปลกปลอมมักเป็นวัตถุขนาดเล็ก เช่น เมล็ดผลไม้ เมล็ดถั่ว ลูกปัด เศษก้อนยางลบ เศษกระดาษ เศษไม้ เศษอาหาร ชิ้นส่วนของเล่นขนาดเล็ก ถ่านกระดุม (button battery) เป็นต้น มักพบในเด็กเล็กที่ชอบเล่นซนหรืออยากลองอยากรู้ นำวัตถุไปแหย่ใส่เข้าไปติดอยู่ในรูหู ส่วนในผู้ใหญ่อาจเกิดจากการชอบแคะหูหรือปั่นหู แล้วมีเศษสำลีหรือกระดาษทิชชูติดอยู่ในรูหู

บางครั้งอาจเกิดจากเหตุบังเอิญที่มีแมลงขนาดเล็ก (เช่น ลูกแมลงสาบ ยุง มด หมัด เห็บ) บินหรือไต่เข้าไปอยู่ในหู ซึ่งอาจพบได้ในคนทุกวัย การนอนบนพื้น หรือนอนอยู่บริเวณนอกบ้านหรือกลางป่า หรือการอุ้มสัตว์เลี้ยงพาดบ่า มีความเสี่ยงต่อการมีแมลงไต่เข้าหู

สาเหตุ

มักเกิดจากการเอาสิ่งแปลกปลอมแหย่ใส่เข้าไปในหู หรือมีแมลงบินหรือไต่เข้าหู

อาการ

อาการขึ้นกับชนิดและขนาดของสิ่งแปลกปลอม

ถ้าเป็นแมลงเข้าหู อาจมีความรู้สึกว่ามีแมลงดิ้นไปมา หรือมีเสียงดังหึ่ง ๆ อยู่ในหูน่ารำคาญ หรือมีอาการปวดเจ็บในหู

ถ้าเป็นวัตถุแปลกปลอมเข้าหู อาจรู้สึกมีอะไรกลิ้งไปมาในรูหู หรือมีเสียงดังขลุกขลักเวลาเคี้ยวอาหารหรืออ้าปาก-หุบปาก บางครั้งอาจไม่มีอาการอะไรและปล่อยไว้ไม่ได้แก้ไข ก็อาจเกิดอาการปวดเจ็บในหู หูอื้อ มีน้ำหนองไหล (เนื่องจากหูอักเสบ) ตามมา

ถ้าเป็นวัตถุชิ้นโตที่อุดแน่นรูหู ทำให้มีอาการปวดหู หูอื้อ หูตึง การได้ยินลดลง

บางครั้งอาจพบว่ามีเลือดออกจากหู เนื่องจากเป็นสิ่งแปลกปลอมที่มีความแหลมคม หรือเนื่องเพราะมีความพยายามใช้อุปกรณ์เขี่ยเอาสิ่งแปลกปลอมออกเองจนเกิดแผลถลอก

นอกจากนี้ บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ไอหรือกระแอมร่วมด้วย ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่ถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นจากการมีสิ่งแปลกปลอมไประคายเคืองต่อช่องหู

ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนแต่อย่างใด เมื่อเอาสิ่งแปลกปลอมออกก็จะหายเป็นปกติ

แต่ถ้าปล่อยให้สิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในรูหูเป็นเวลานาน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเศษพืช หรือเศษอาหาร) อาจเกิดการติดเชื้อ ทำให้หูชั้นนอกอักเสบ มีอาการไข้ ปวดหู หูอื้อ การได้ยินลดลง มีน้ำหนองไหล

บางรายอาจทำให้เกิดแก้วหูทะลุ

สำหรับสิ่งแปลกปลอมที่เป็นถ่านกระดุม (button battery ซึ่งใช้กับของเล่นและอุปกรณ์ต่าง ๆ) หากปล่อยไว้ สารเคมีภายในถ่านอาจรั่วไหลออกมา ทำให้ผิวหนังในช่องหูไหม้ เยื่อแก้วหูทะลุ เกิดการติดเชื้อแทรกซ้อน รวมทั้งอาจทำลายอวัยวะต่าง ๆ ภายในหูชั้นกลาง ทำให้หูหนวกได้ อันตรายจากถ่านกระดุมนี้มักเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง (พบว่าเร็วสุด อาจเกิดขึ้นหลังเกิดเหตุเพียง 1-2 ชั่วโมง)

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

ที่สำคัญคือ การใช้เครื่องส่องหู (otoscope) ตรวจพบสิ่งแปลกปลอมอยู่ในรูหู

ในรายที่สงสัยว่ามีถ่านกระดุม (button battery) เข้าหู แพทย์จะทำการตรวจด้วยการเอกซเรย์

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าเป็นแมลงเข้าหู ให้ผู้ป่วยเอียงหูข้างที่มีแมลงตั้งขึ้นด้านบน แล้วดึงใบหูไปด้านหลังเพื่อให้รูหูอยู่ในแนวตรง แล้วใช้น้ำมันพืช (เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว น้ำมันเมล็ดทานตะวัน น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะกอก) น้ำมันทาตัวเด็ก (เบบี้ออยล์) ยาหยอดหู หรือน้ำยากลีเซอรีนโบแรกซ์ ค่อย ๆ หยอดใส่ลงไปในรูหูจนเต็ม รอจนเห็นแมลงไต่หรือลอยขึ้นมา แล้วทำการเขี่ยหรือคีบออก

ถ้าไม่เห็นแมลงไต่หรือลอยขึ้นมา ก็จะให้เอียงหูข้างนั้นลงมาด้านล่าง ให้ของเหลวที่หยอดนั้นไหลออกมา โดยใช้ผ้า กระดาษ หรือภาชนะรอง ดูว่ามีแมลงหลุดออกมาหรือไม่

2. ถ้าเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เป็นวัตถุ ให้เอียงหูข้างที่มีปัญหาไปทางด้านล่าง (หันลงไปทางพื้น) และดึงใบหูไปด้านหลังเพื่อให้รูหูอยู่ในแนวตรง เขย่าศีรษะเบา ๆ ถ้าเป็นสิ่งเล็ก ๆ อาจหลุดออกมาได้

3. ถ้าลองปฏิบัติดังกล่าวแล้วไม่ได้ผล แพทย์จะใช้เครื่องมือช่วยเอาออก ซึ่งมีให้เลือกหลายวิธี ขึ้นกับชนิดของสิ่งแปลกปลอมและตำแหน่งที่สิ่งแปลกปลอมติด เช่น ใช้ปากคีบเล็กคีบออก ใช้เครื่องดูดดูดออก ใช้น้ำฉีดล้างออก เป็นต้น (สำหรับเด็กเล็ก ซึ่งมักดิ้นไปมา ทำให้ยากต่อการทำ แพทย์อาจจำเป็นต้องวางยาให้หลับ)

ผลการรักษา เมื่อนำสิ่งแปลกปลอมออกได้ก็มักจะหายเป็นปกติ

ส่วนในรายที่ปล่อยจนมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์ก็จะให้การรักษาตามภาวะที่พบ (เช่น ให้ยาปฏิชีวนะสำหรับผู้ที่มีหูอักเสบ ให้การรักษาเยื่อแก้วหูที่ทะลุ) ซึ่งมักจะหายขาดได้

การดูแลตนเอง

ถ้าสงสัยว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้าหู ควรไปพบแพทย์โดยเร็วถ้ามีอาการปวดหูมาก หรือมีเลือดหรือน้ำหนองไหล

ถ้าไม่มีอาการดังกล่าว ควรทำการปฐมพยาบาล ดังนี้

1. ห้ามใช้นิ้วมือ ไม้พันสำลี ไม้แคะหู ก้านไม้ขีดไฟ หรืออุปกรณ์ใด ๆ พยายามเขี่ยเอาสิ่งแปลกปลอมออก เพราะอาจดันให้สิ่งแปลกปลอมลึกเข้าไป ทำให้แก้วหูทะลุหรือเกิดแผลถลอกในช่องหูได้ และทำให้การเอาออกในภายหลังมีความยากมากขึ้น

2. ถ้าสังเกตเห็นสิ่งแปลกปลอมได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งไม่ได้เป็นของแข็ง (เช่น เป็นเศษกระดาษ หรือสำลี) และอยู่ตื้นพอที่จะคีบออกได้ ให้ใช้ไฟส่องสว่างเพื่อให้เห็นชัดเจน ใช้ปากคีบหรือแหนบค่อย ๆ คีบวัตถุนั้นออกมา ถ้ายังมีอาการผิดปกติหรือสงสัยว่ายังมีวัตถุบางส่วนตกค้างอยู่ ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว

3. ถ้าสงสัยว่ามีแมลงเข้าหู ให้ใช้น้ำมันพืช (ซึ่งมีอยู่ในห้องครัว) หรือน้ำมันทาตัวเด็ก (เบบี้ออยล์) หยอดใส่เข้าไปในรูหูข้างที่มีอาการ โดยทำตามวิธีเดียวกับการรักษาโดยแพทย์ดังกล่าวข้างต้น (ดูหัวข้อ "การักษาโดยแพทย์" ด้านบน)

วิธีนี้ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีเยื่อแก้วหูทะลุ และไม่ควรใช้กับสิ่งแปลกปลอมที่เป็นวัตถุ เพราะอาจดันให้วัตถุนั้นเข้าไปลึกมากขึ้น และถ้าเป็นวัตถุที่ดูดซับของเหลวได้ (เช่น สำลี กระดาษ เศษพืช เศษอาหาร) ก็อาจทำให้วัตถุพองตัวอุดแน่นรูหูมากขึ้น

สิ่งแปลกปลอมเข้าหู

4. ถ้าสงสัยมีสิ่งแปลกปลอมที่เป็นวัตถุ ให้เอียงหูข้างที่มีปัญหาไปทางด้านล่าง (หันลงไปทางพื้น) และดึงใบหูไปด้านหลังเพื่อให้รูหูอยู่ในแนวตรง เขย่าศีรษะเบา ๆ ถ้าเป็นสิ่งเล็ก ๆ จะหลุดออกมาได้ หากไม่ได้ผลควรไปพบแพทย์

ไม่ควรใช้ของเหลว (เช่น น้ำ น้ำมันพืช ยาหยอดหู) หยอดหู เพราะนอกจากไม่ได้ประโยชน์แล้ว ยังอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหากมีเยื่อแก้วหูทะลุที่เกิดมาจากสิ่งแปลกปลอม

5. ควรไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีเลือดหรือน้ำหนองไหลออกจากหู หรือมีเยื่อแก้วหูทะลุ ซึ่งไม่ควรหยอดของเหลวเข้าไปในหู
    สิ่งแปลกปลอมเป็นถ่านกระดุม ควรไปพบแพทย์ด่วน เพื่อให้แพทย์ช่วยเอาออกมาให้เร็วที่สุด เนื่องจากหากปล่อยไว้อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ทำให้หูพิการได้
    หลังจากทำการปฐมพยาบาลแล้วไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมหลุดออกมา หรือหลังจากเห็นสิ่งแปลกปลอมหลุดออกมาแล้วแต่ยังมีอาการปวดหู หูอื้อ และการได้ยินลดลงอยู่เหมือนเดิม หรือสงสัยว่ายังมีสิ่งแปลกปลอมบางส่วนค้างคาอยู่ในหู
    ไม่มั่นใจที่จะทำการแก้ไขด้วยตัวเอง
    กังวลหรือสงสัยว่ามีสิ่งแปลกปลอมค้างคาอยู่ในหู แม้ผู้ป่วยจะไม่มีอาการ

การป้องกัน

    คอยระมัดระวัง เก็บเศษวัตถุ (รวมทั้งถ่านกระดุม) ทิ้ง ไม่ให้เด็กหยิบได้
    ห้ามปรามและคอยเฝ้าระวัง ไม่ให้เด็กเล็กเล่นซนเอาสิ่งแปลกปลอมแหย่ใส่เข้าไปในหู
    หลีกเลี่ยงการปั่นหู หรือแคะหูเล่น (นอกไม่มีความจำเป็นแล้วยังอาจเกิดผลเสียได้)
    หลีกเลี่ยงการนอนบนพื้นและนอนในที่ที่มีความเสี่ยงต่อการมีแมลงเข้าไปหู
    รักษาที่นอนให้สะอาด และคอยระวังไม่ให้มีแมลงในบ้านและในห้องนอน
    ไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงขึ้นมาบนที่นอน และไม่ควรอุ้มสัตว์เลี้ยงพาดบ่า เพื่อป้องกันไม่ให้เห็บหรือหมัดจากสัตว์เลี้ยงไต่เข้าหู

ข้อแนะนำ

1. เด็กเล็กที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าหูเพราะแอบเล่นซน อาจไม่บอกให้ผู้ปกครองทราบ เพราะกลัวถูกดุหรือลงโทษ ทำให้ไม่ทราบปัญหา และปล่อยปละให้เกิดความล่าช้าในการรักษา จนอาจมีภาวะแทรกซ้อน และมีความยุ่งยากในการรักษาได้ ผู้ปกครองควรสังเกตอาการและพฤติกรรมการเล่นของเด็ก หากเด็กบ่นว่ามีอาการปวดหู หูอื้อ หรือสงสัยมีสิ่งแปลกปลอมเข้าหู (โดยยังไม่มีอาการผิดปกติ) ไม่ควรดุว่าเด็ก ควรพูดคุยถามไถ่ด้วยดี และพาเด็กไปพบแพทย์โดยเร็ว

2. เมื่อพบเด็กมีสิ่งแปลกปลอมเข้าหู ควรตรวจดูให้ถี่ถ้วนว่าอาจมีสิ่งแปลกปลอมในหูอีกข้าง และในจมูกหรือไม่ เพราะบางครั้งเด็กอาจแหย่ใส่วัตถุเข้าหลายที่ก็ได้

3. สำหรับผู้ป่วยที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าหูบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเล็กที่ชอบดิ้นไปมา ระหว่างทำการเอาสิ่งแปลกปลอมออกแพทย์อาจจำเป็นต้องวางยาสลบ ซึ่งเพื่อความปลอดภัย ผู้ป่วยต้องงดน้ำและอาหารก่อนเป็นเวลา 8-12 ชั่วโมง ดังนั้น ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องเดินทางไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล ควรงดน้ำและอาหารตั้งแต่อยู่ที่บ้าน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอยู่รอเตรียมตัวในการวางยาสลบนานไป

11
แก้ไขปัญหาคางเบี้ยว ด้วยการจัดฟันเด็ก

สุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก ถือว่ามีความสำคัญมาก และพ่อแม่ผู้ปกครองทีหน้าที่ที่จะคอยเอาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของลูก เพื่อที่เด็กจะได้เรียนรู้วิธีการดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันที่ถูกต้อง ควรที่จะปลูกฝังให้เด็กใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะไม่เช่นนั้น อาจจะทำให้เด็กมีปัญหาในเรื่องดังกล่าวได้ เพราะปัญหาเรื่องของช่องปากและฟันนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะการดูแลฟันไม่สะอาด


แต่สามารถเกิดจากพฤติกรรมบงอย่างของเด็กที่ส่งผลทำให้เกิดปัญหาฟัน หรือปัญหาเรื่องโครงสร้างของใบหน้าได้ เช่น เด็กมีภาวะคางเบี้ยว ซึ่งอาการดังกล่าวนี้ การเข้ารับการจดฟันในเด็กสามารถแก้ไขได้ ซึ่งเด็กในวัยนี้ เหมาะสำหรับการจัดฟันในเด็ก โดยการใช้เครื่องมือ EF LINE ซึ่งเป็นการจัดฟันในเด็กที่สามารถแก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูกโดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมากน้อยตามแต่ช่วงอายุ


ดังนั้น ตามหลักการแล้วหากต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าจึงต้องทำการเริ่มแก้ไขในช่วงที่เด็กยังมีการเจริญเติบโต จึงจะมีประสิทธิภาพและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง และพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดที่ลูกมีปัญหาในเรื่องของภาวะคางเบี้ยวหรือปัญหาด้านอื่นที่เกี่ยวกับความผิดปกติขิงกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ก็สามารถพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน ด้วยการรักษาด้วยเครื่องมือ EF LINEได้

ก่อนที่เราจะมาพูดถึงการแก้ไขปัญหาคางเบี้ยว เราจะมาพูดถึงเรื่องของเครื่องมือการจัดฟัน EF LINE ก่อน เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองบางท่านอาจจะยังไม่เข้าใจในกระบวนการการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือ EF LINE ซึ่งเครื่องมือ EF LINE เป็นเครื่องมือที่ใช้เพื่อทำการปรับแก้ไขปัญหาของกล้ามเนื้อซึ่งต้องร่วมกับการฝึกโดยการออกกำลังกล้ามเนื้อ การปรับเปลี่ยนการหายใจให้ถูกวิธี รวมถึงการใช้เครื่องมือเพื่อช่วยปรับการกลืนให้ถูกต้อง สามารถใช้ได้ตั้งแต่อายุ 4 -15 ปี สามารถแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น ปัญหารูปหน้าที่มีคางหลุบ ค้างเบี้ยวกระดูกและฟันบนยื่น

และกรณีที่เด็กมีรูปหน้าสั้นซึ่งต้องการเพิ่มความสูงใบหน้า เป็นต้น หากเด็กมีปัญหาดังกล่าว พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาเด็กเข้ารับการตรวจเพื่อเข้ารับการแก้ไขด้วยการจัดฟันในเด็ก  เพื่อให้บุตรหลานของท่านไม่เสียโอกาสที่จะได้รับการแก้ไขปัญหาและช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าเพื่อผลการจัดฟันที่ดีขึ้น ใช้เวลาน้อยลง และประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย และยังช่วยส่งเสริมในเรื่องขอบสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กในอนาคตได้อีกด้วย สำหรับปัญหาคางเบี้ยว ขากรรไกรล่างเบนไปจากแนวกลางใบหน้า เนื่องจากตำแหน่งฟันผิดปกติ


ซึ่งอาจจะเกิดจากการสูญเสียฟันน้ำนมไปก่อนกำหนด จะมีผลทำให้กระดูกเบ้าฟันบริเวณนั้นเจริญเติบโตน้อยกว่าปกติ และมีการเคลื่อนที่ของฟันข้างเคียงเข้าสู่ช่องว่างนั้นแคบลง ไม่มีที่เพียงพอสำหรับการขึ้นของฟันแท้ที่จะขึ้นมาแทนที่ หรือที่เราเรียกว่า อาการฟันแท้หาย ซึ่งการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถแก้ไขได้ ดังน้ัน หากใช้เครื่องมือ EF LINE เพื่อปรับสมดุลกล้ามเนื้อ จะทำให้จัดฟันง่ายและเสร็จเร็วมากขึ้น ทั้งยังเป็นการป้องกันปัญหาการคืนกลับตำแหน่งเดิมของฟันหลังจัดฟันด้วย


หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดอยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ไม่ว่าจะเป้นการแก้ไขปัญหาฟันอื่นๆ ก็สามารถพาบุตรหลานเข้าพบทันตแพทย์จัดฟันของทางคลินิกได้ เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการจัดฟันในเด็ก และมีประสบการณ์อย่างยาวนาน จึงสามารถให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง จึงมั่นใจได้ว่า ถ้าหากเด้กได้รับการจัดฟันในเด็กที่คลินิกก็จะทำให้เด็กมีฟันที่สวยงามเป้นะรรมชาติ มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัยได้อย่างแน่นอน เพราะเราอยากให้เด็กทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันและกิจกรรมต่างๆได้อย่างเต็มที่และมีความสุข

12
บ้านติดรถไฟฟ้า เพฟ กาญจนาฯ - ราชพฤกษ์ (PAVE Kanchana-Ratchaphruek)
เริ่มต้น 4 ลบ. 

เพฟ กาญจนาฯ - ราชพฤกษ์ (PAVE Kanchana-Ratchaphruek)
เตรียมพบกับบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ เพฟ กาญจนาฯ – ราชพฤกษ์ จาก SC Asset บ้านเดี่ยวโครงการใหม่ ติดถนนกาญจนาฯ เพียง 10 นาที* ถึงเซ็นทรัลเวสต์เกต

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ               เพฟ กาญจนาฯ - ราชพฤกษ์ (PAVE Kanchana-Ratchaphruek)
 เจ้าของโครงการ          เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น
 แบรนด์ย่อย                เพฟ
 ราคา                       เริ่มต้น 4 ลบ.
 ประเภทบ้าน               บ้านเดี่ยว
 ลักษณะทำเล              บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ             82 ไร่ 2 งาน 78 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน               โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 แบบบ้านทั้งหมด         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
  เนื้อที่บ้าน                ตั้งแต่ 50.1 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนชั้น                2 ชั้น
 หน้ากว้าง                โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนที่จอดรถ         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน         ลาดหลุมแก้ว
 ที่ตั้ง         ถนนกาญจนาภิเษก ตำบลคลองพระอุดม อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี 10140

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีม่วง, สถานี(บางซื่อ - บางใหญ่)(คลองบางไผ่)
ใกล้ทางด่วน (จุดขึ้นทางด่วน ศรีสมาน, จุดขึ้นทางด่วน แจ้งวัฒนะ)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ศูนย์การค้า
1. Dohome บางบัวทอง 6 กม.
2. Makro บางบัวทอง 9.6 กม.
3. ไทวัสดุ 10 กม.
4. Robinson ราชพฤกษ์ 11 กม.
5. Homepro บางบัวทอง 11.4 กม.
6. Central Westgate 13.5 กม.
7. IKEA 13.5 กม.
8. Index 14 กม.
9. Lotus North ราชพฤกษ์ 14 กม.

สถานศึกษา
1. โรงเรียนสารสาสน์ บางบัวทอง 6.9 กม.
2. โรงเรียนสารสาสน์ ราชพฤกษ์ 4.9 กม.
3. โรงเรียนนานาชาติ DBS 14 กม.
4. โรงเรียนเด่นหล้า พระราม 5 21.6 กม.

สถานพยาบาล
1. โรงพยาบาลปากเกร็ด 2 8 กม.
2. โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล 13 กม.

13
การจัดฟันเด็ก และไม่มีวินัยในการสวมใส่รีเทนเนอร์จะมีผลอะไรบ้าง

การจัดฟันในเด็กไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันระยะที่ 1 (Phase I Orthodontics) เพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างขากรรไกร หรือแม้แต่การจัดฟันแบบเต็มรูปแบบ (Phase II หรือ Full Braces) เมื่อฟันแท้ขึ้นครบแล้ว การมีวินัยในการสวมใส่รีเทนเนอร์ (Retainer) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หากเด็กไม่มีวินัยในการสวมใส่รีเทนเนอร์ จะส่งผลเสียหลายประการ ดังนี้:

ผลเสียของการไม่สวมใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำ

ฟันเคลื่อนกลับ (Relapse):
สาเหตุ: หลังจากถอดเครื่องมือจัดฟัน กระดูกและเนื้อเยื่อรอบๆ ฟันยังคงต้องใช้เวลาในการปรับตัวและแข็งแรงขึ้น เพื่อยึดฟันให้อยู่ในตำแหน่งใหม่ นอกจากนี้ แรงจากกล้ามเนื้อรอบปาก ลิ้น เหงือก และการเจริญเติบโตของขากรรไกรที่ยังไม่สมบูรณ์ ก็สามารถทำให้ฟันเคลื่อนกลับไปยังตำแหน่งเดิมก่อนการจัดฟันได้
ผลกระทบ: เป็นผลที่พบได้บ่อยที่สุด ฟันที่เรียงตัวสวยงามแล้วอาจจะเริ่มเบี้ยว ซ้อนเก หรือมีช่องว่างกลับมาอีกครั้ง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เร็วภายในไม่กี่สัปดาห์หรือเดือนแรกๆ หลังจากถอดเครื่องมือ หรือค่อยๆ เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

ปัญหาการสบฟันกลับมาอีก:
หากปัญหาการสบฟัน เช่น ฟันยื่น, ฟันล่างคร่อมฟันบน, หรือฟันหน้าเปิด ได้รับการแก้ไขไปแล้ว การไม่ใส่รีเทนเนอร์อาจทำให้ปัญหานั้นกลับมาอีก ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว การออกเสียง และความสวยงามของใบหน้า
เสียเวลาและค่าใช้จ่ายโดยเปล่าประโยชน์:
การจัดฟันเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานาน (เป็นปี) และมีค่าใช้จ่ายสูง การที่ฟันเคลื่อนกลับเนื่องจากไม่ใส่รีเทนเนอร์เท่ากับว่าเสียทั้งเวลา ความพยายาม และเงินไปโดยเปล่าประโยชน์

อาจต้องจัดฟันใหม่:

หากฟันเคลื่อนกลับไปมาก อาจจำเป็นต้องกลับมาจัดฟันใหม่อีกครั้ง ซึ่งหมายถึงการเริ่มต้นกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่ต้น เสียเวลา เสียเงิน และสร้างความไม่สบายตัวให้กับเด็กอีกครั้ง

ปัญหาทางจิตใจและบุคลิกภาพ:
เด็กอาจรู้สึกผิดหวัง เสียความมั่นใจ เมื่อเห็นฟันที่เคยเรียงสวยงามกลับมามีปัญหาอีกครั้ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและภาพลักษณ์ของตนเอง

ปัญหาสุขภาพช่องปาก (ทางอ้อม):
หากฟันกลับมาซ้อนเกมาก อาจทำให้การทำความสะอาดฟันทำได้ยากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อฟันผุและโรคเหงือก

สิ่งที่ผู้ปกครองควรทำ เพื่อให้เด็กรักษาวินัยในการสวมใส่รีเทนเนอร์:
อธิบายความสำคัญ: อธิบายให้เด็กเข้าใจอย่างชัดเจนว่าทำไมต้องใส่รีเทนเนอร์ และผลเสียที่จะตามมาหากไม่ใส่ เพื่อให้เด็กรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการรักษา
สร้างแรงจูงใจ: อาจมีรางวัลเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นกำลังใจ หากเด็กสวมใส่รีเทนเนอร์ได้อย่างสม่ำเสมอ
ตั้งกฎและเวลา: กำหนดเวลาที่ต้องใส่รีเทนเนอร์ให้ชัดเจน (เช่น ใส่ตลอดเวลา ยกเว้นตอนกินข้าวและแปรงฟัน หรือใส่เฉพาะตอนกลางคืน) และช่วยเตือนเด็กให้ปฏิบัติตาม
ให้รีเทนเนอร์อยู่ใกล้มือ: วางรีเทนเนอร์ไว้ในจุดที่เด็กมองเห็นและเข้าถึงได้ง่าย เช่น ข้างเตียง หรือในห้องน้ำ
ดูแลและทำความสะอาดรีเทนเนอร์: สอนเด็กให้ทำความสะอาดรีเทนเนอร์อย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันกลิ่นและเชื้อโรค ซึ่งจะทำให้เด็กอยากใส่มากขึ้น
ไปพบทันตแพทย์ตามนัด: ทันตแพทย์จะตรวจดูว่ารีเทนเนอร์ยังคงพอดีหรือไม่ และให้คำแนะนำเพิ่มเติม รวมถึงการประเมินการเจริญเติบโตของขากรรไกรที่ยังคงดำเนินอยู่
เป็นตัวอย่างที่ดี: ผู้ปกครองควรร่วมมือและเป็นกำลังใจให้เด็กตลอดกระบวนการ

การสวมใส่รีเทนเนอร์ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดของการจัดฟัน การมีวินัยที่ดีจะช่วยรักษาสภาพฟันที่จัดมาอย่างยากลำบากให้อยู่คงที่ และทำให้การลงทุนทั้งเวลาและเงินคุ้มค่าที่สุดครับ

14
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


15
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


หน้า: [1] 2 3 ... 16






















































อยากขายของดี
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
ขายสินค้าไม่สต๊อกสินค้า
เริ่มขายของออนไลน์
รับทำ seo ด่วน
smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
ไม่รู้จะขายอะไรดี

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
โพสกระตุ้นยอดขาย
วิธีกระตุ้นยอดขาย เซลล์
วิธีแก้ปัญหายอดขายตก
เริ่มต้นขายของ
แหล่งรับของมาขายออนไลน์
ขายของออนไลน์อะไรดี
อยากขายของออนไลน์
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี

กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
วิธีการหาลูกค้าของ sale
ทำ SEO ติด Google
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า
ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด

โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
ทําไงให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
เคล็ดลับขายของดี
ค้าขายไม่ดีทำอย่างไรดี
งานโพสโปรโมทงาน
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
หากลยุทธ์เพิ่มยอดขาย